แผงหน้าปัด (รุ่นธรรมดา)

เนื้อหาโดยทั่วไป

เมื่อเริ่มจำหน่ายซีรี่ย์นี้ออกสู่ตลาด แผงหน้าปัด (รุ่นธรรมดา) จะมีบัสอินเตอร์เฟสสองชุด ซึ่งทำให้สามารถเชื่อมข้อมูล (สายข้อมูล/ แบบอนุกรม) กับชุดควบคุมที่ต่ออยู่ได้

บัสเหล่านี้คือ :

• K บัส (บอดี้บัส)
  
• บัสการวิเคราะห์ (ต่อเชื่อมกับซอคเก็ตการวิเคราะห์)
  

บัสอินเตอร์เฟสอื่นๆ จะช่วยในการเชื่อมต่อไปยังระบบเกียร์อัตโนมัติ ถ้าแผงหน้าปัดไม่มีอินเตอร์เฟส CAN สำหรับรถยนต์เกียร์ธรรมดา จะอ่านสถานะคันเกียร์ในตำแหน่งถอยหลังผ่านจุดต่อนี้

ข้อมูลรหัสว้ซึ่งกำหนดขอบเขตการทำงานของแผงหน้าปัดจะบันทึกอยู่ในหน่วยความจำข้อมูลถาวร (ข้อมูลยังคงอยู่แม้ว่าจะไม่มีไฟจ่าย)

ขอบเขตของฟังก์ชั่นต่างๆ ประกอบด้วยโมเดลรถยนต์ และตัวเลือกภาษาที่ใช้ในประเทศนั้นๆ เป็นต้น

การเปลี่ยนแผงหน้าปัด

กรณีทั้งสี่ที่จะอธิบายต่อไปนี้ แสดงขั้นตอนต่างๆ ที่ต้องปฏิบัติ เพื่อให้เกิดความถูกต้องในการเปลี่ยนชุดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของแผงหน้าปัด

กรณีที่ 1 : ชุดควบคุมแผงหน้าปัดเกิดความบกพร่องและ ชุดควบคุมโมดูลเช็ค-คอนโทรล/ไฟ (LCM) เป็นปกติ

กรณีที่ 2 : ชุดควบคุมแผงหน้าปัดเป็นปกติ และชุดควบคุมโมดูลเช็ค-คอนโทรล/ไฟ (LCM) ผิดปกติ

กรณีที่ 3 : ต้องเปลี่ยนชุดควบคุมสำหรับแผงหน้าปัด และ ชุดควบคุมสำหรับโมดูลเช็ค-คอนโทรล/ไฟ (LCM)

ให้เปลี่ยนชุดควบคุมทั้งสองชุดพร้อมกัน เฉพาะในกรณีที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เท่านั้น (ค่าระยะทางรวมที่บันทึกไว้จะหายไปโดยไม่สามารถเรียกกลับมาได้อีก)

หมายเหตุ

ถอดสายแบตเตอรี่ !

กรณีที่ 4 : ในกรณีที่เป็นการตรวจสอบ ให้เปลี่ยนชุดควบคุมสำหรับแผงหน้าปัด หรือ ชุดควบคุมโมดูลเช็ค-คอนโทรล/ไฟ (LCM)

หมายเหตุ

โดยหลักการแล้วสามารถเปลี่ยนชุดควบคุมชุดใดชุดหนึ่งในสองชุดได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงกรณีดังกล่าวนี้เท่าที่ทำได้

ขอบเขตของฟังก์ชั่น

ข้อมูลต่อไปนี้จะแสดงขึ้นหรือจะใช้สำหรับฟังก์ชั่น :

ฟังก์ชั่นทดสอบ

ฟังก์ชั่นทดสอบซึ่งสามารถเรียกใช้งานได้จากออนบอร์ดคอมพิวเตอร์ในซีรี่ย์ก่อนหน้านี้ ปัจจุบันสามารถเรียกใช้งานได้จากแผงหน้าปัด

การทดสอบระบบ (การทดสอบหมายเลข 2) : ใช้การทดสอบระบบเพื่อทดสอบชุดแสดงผลพร้อมกับอุปกรณ์ต่างๆ ที่สามารถควบคุมได้จากแผงหน้าปัด

อุปกรณ์เหล่านี้คือ :

• อุปกรณ์วัดแบบเข็มทั้งหมด
  
• จอ LC พร้อมการทดสอบเซ็กเมนต์และไฟพื้นหลังทั้งหมด
  

ไฟแสดงและไฟเตือนสำหรับ :

• ไฟเตือนเข็มขัดนิรภัย
  
• น้ำมันเชื้อเพลิงสำรอง
  
• ไฟเตือนเบรคทั่วไป
  
• เบรคจอดรถ
  
• ไฟแสดงสัญญาณไฟเลี้ยวซ้ายและขวา
  
• ไฟตัดหมอกด้านหน้าและด้านหลัง
  
• ไฟสูง
  
• ไฟแสดงเกียร์ (เกียร์อัตโนมัติ)
  
• จอแสดงระยะเวลาการเข้ารับบริการ SIA
  
• จอแสดงผลเช็ค-คอนโทรล (ถ้าให้รหัสไว้แล้ว)
  
• ระบบกันสะเทือนด้วยอากาศ
  
• ความผิดปกติของเกียร์อัตโนมัติ
  
• ระดับน้ำมันเครื่อง
  

อุปกรณ์วัดแบบเข็ม : ในระหว่างการทดสอบระบบ จะมีการวิเคราะห์ระบบการทำงานของอุปกรณ์วัดแบบเข็ม และถ้ามีความผิดปกติในทางไฟฟ้าเกิดขึ้น จะบันทึกรหัสความผิดปกติดังกล่าวไว้ในหน่วยความจำรหัสความผิดปกติ นอกจากนี้ ต้องสังเกตเข็มต่างๆ เป็นพิเศษว่าเคลื่อนที่อย่างราบเรียบและต่อเนื่องตลอดช่วงที่แสดงหรือไม่ ในระหว่างช่วงการทดสอบครั้งแรก ในช่วงที่สองในขั้นตอนการทดสอบระบบ อุปกรณ์วัดแบบเข็มจะไม่เคลื่อนที่อย่างต่อเนื่องและราบเรียบตลอดช่วงที่แสดงผล ในกรณีนี้ ให้วัดค่าเแรงเคลื่อนไฟฟ้าที่มุมแสดงค่าต่างๆ ของเข็ม

การเลือกฟังก์ชั่นทดสอบ :

นอกเหนือจากการทดสอบหมายเลข 1 และ 2 จะต้องใช้ฟังก์ชั่นการทดสอบหมายเลข 19 ในการสั่งอินเตอร์ล็อคและปลดล็อคฟังก์ชั่นทดสอบอื่นทั้งหมด

ขั้นตอน : กดปุ่มรีเซ็ตระยะเดินทางต่อเที่ยวค้างไว้ (ประมาณ 5 วินาที) (ปุ่มด้านซ้ายมือในแผงหน้าปัด) ขณะเทอร์มินอล R "ON" จนกระทั่งปรากฏข้อความ "__tESt__1._" ในจอแสดงผลแผงหน้าปัด สามารถเลือกการทดสอบที่ต้องการ (การทดสอบระบบตรงกับการทดสอบ 2 "__tESt__2._") ได้โดยกดปุ่ม/ปล่อยอีกครั้งภายใน 1 วินาที แล้วจะปรากฏฟังก์ชั่นย่อยอันดับแรกของการทดสอบที่เลือกนี้ หลังจากนั้นประมาณ 1 วินาที สามารถเลือกฟังก์ชั่นย่อย (การทดสอบระบบจะไม่มีฟังก์ชั่นย่อยอื่นอีก) ของการทดสอบนั้นๆ ได้โดยกดปุ่มอีกครั้งหนึ่ง ถ้าไม่มีฟังก์ชั่นย่อยอื่นที่สัมพันธ์กับการทดสอบ 2 (การทดสอบระบบ) การทดสอบระบบจะเริ่มทำงานหลังจากมีข้อความ "__tESt__2.0" ปรากฏขึ้น และได้กดปุ่มรีเซ็ตระยะเดินทางต่อเที่ยวแล้ว ถ้าเป็นการทดสอบที่ล็อคไว้ (การทดสอบ 3 ถึง 21) สามารถปลดล็อคได้โดยกดปุ่มรีเซ็ตระยะเดินทางต่อเที่ยว ขณะที่ข้อความ "_L_OFF" ปรากฏขึ้นในจอแสดงผล จากนั้น จอแสดงผลจะไปที่การทดสอบ 0 เพื่อให้สามารถเลือกการทดสอบนั้นๆ ได้ด้วยการกดปุ่มเป็นระยะสั้นๆ

ค่าแก้ไขของฟังก์ชั่นทดสอบ 20 สำหรับ “ ฟังก์ชั่นความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย ”

ฟังก์ชั่นทดสอบ 20 มี 4 ฟังก์ชั่นย่อย 20.0 (ระบุค่าแก้ไขที่บันทึกไว้), 20.1 (สามารถตั้งค่าตำแหน่งทศนิยมของหน่วยได้), 20.2 (สามารถตั้งค่าตำแหน่งทศนิยมหลักสิบได้) และ 20.3 (สามารถตั้งค่าตำแหน่งทศนิยมหลักร้อยและหลักพันได้) โดยในขณะนี้สามารถใช้ได้เฉพาะคู่หมายเลข 07, 08, 09, 10, 11 และ 12 เท่านั้น ช่วงการปรับของค่าแก้ไขอยู่ในช่วงตั้งแต่ 0750 ถึง 1250 ต้องตั้งค่าไว้ที่ 1000 (ค่าที่ตั้งจากโรงงาน) เพื่อที่จะทำการแก้ไขให้ถูกต้อง มิฉะนั้นจะไม่สามารถคำนวณค่าแก้ไขใหม่ได้โดยใช้สูตร เมื่อตั้งค่าไว้ที่ 1000 ค่าแก้ไขใหม่ได้จาก ค่าความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงจริงในหน่วยลิตรต่อ 100 กม. หารด้วย ค่าความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่แสดงผลในหน่วยลิตรต่อ 100 กม. คูณด้วย 1000 ถ้าแสดงผลในหน่วยการวัดอื่น คือ ไมล์, ลิตร หรือ ไมล์ต่อแกลลอน และ กิโลเมตรต่อลิตร ต้องแปลงหน่วยการวัดต่างๆ นี้ให้อยู่ในหน่วย ลิตรต่อ 100 กม. เพื่อใช้ในการคำนวณค่าแก้ไข ในขณะนี้ ค่าแก้ไขใหม่นี้สามารถตั้งค่าได้ ด้วยฟังก์ชั่นย่อย 20.1 ถึง 20.3

การเลือกฟังก์ชั่นทดสอบ 20 : กดปุ่มรีเซ็ตระยะเดินทางต่อเที่ยวค้างไว้ (ประมาณ 5 วินาที) (ปุ่มด้านซ้ายมือในแผงหน้าปัด) ขณะเทอร์มินอล R "ON" จนกระทั่งปรากฏข้อความ "__tESt__1._" ในจอแสดงผลแผงหน้าปัด สามารถเลือกการทดสอบ 20 โดยกดปุ่ม/ปล่อยภายใน 1 วินาที แล้วจะปรากฏฟังก์ชั่นย่อยอันดับแรกของการทดสอบที่เลือกนี้ หลังจากนั้นประมาณ 1 วินาที สามารถเลือกฟังก์ชั่นย่อยของการทดสอบนั้นๆ ได้โดยกดปุ่มอีกครั้งหนึ่ง ค่าแก้ไขที่ตั้งไว้จะแสดงในฟังก์ชั่นทดสอบ 20, ฟังก์ชั่นย่อย 0 (20.0) ตำแหน่งทศนิยมของหน่วยจะนับถอยหลัง (0-9) โดยการเปลี่ยนไปที่ฟังก์ชั่นย่อย 20.1 ตำแหน่งทศนิยมของหน่วยจะยังคงเปลี่ยนค่าต่อเนื่องโดยอัตโนมัติ จนกว่าจะเลือกฟังก์ชั่นย่อยลำดับต่อไป และจะนำตำแหน่งที่แสดงผลสุดท้ายมาใช้ในค่าแก้ไข ขั้นตอนเดียวกันนี้จะใช้กับฟังก์ชั่นย่อย 20.2 ด้วย ซึ่งจะนับถอยหลังตำแหน่งทศนิยมหลักสิบ (0-9) ตำแหน่งทศนิยมหลักร้อยและหลักพันจะนับถอยหลังในฟังก์ชั่นย่อย 20.3 ซึ่งจะแสดงเฉพาะคู่หมายเลข 07, 08, 09, 10, 11 และ 12 เท่านั้นเพื่อให้ค่าอยู่ในช่วงที่ถูกต้อง สำหรับค่าแก้ไขตั้งแต่ 750 ถึง 1250

จอแสดงผลความเร็ว

จอแสดงผลความเร็วจะมีมาตรวัดความเร็วอยู่หลายแบบทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรุ่นของรถ

แผงหน้าปัดได้รับสัญญาณตำแหน่ง tw จากชุดควบคุมระบบป้องกันการเบรคล็อคล้อ (ABS) / ระบบควบคุมเสถียรภาพอัตโนมัติ (ASC) / ระบบควบคุมเสถียรภาพแบบไดนามิก (DSC) แผงหน้าปัดจะใช้สัญญาณนี้ในการควบคุมมาตรวัดความเร็ว, ค่าระยะทางรวม และค่าระยะเดินทางต่อเที่ยว

แผงหน้าปัดจะรับค่าความเร็วจากสัญญาณตำแหน่ง tw และจากหมายเลขพัลส์แสดงตำแหน่ง (หมายเลข K) ที่บันทึกเป็นข้อมูลรหัสในแผงหน้าปัด นอกจากนี้ แผงหน้าปัดจะส่งสัญญาณความเร็ว (สัญญาณเอาต์พุตมาตรวัดความเร็ว ) ไปยังชุดควบคุมที่ต่ออยู่ด้วย ข้อมูลความเร็วนี้จะส่งในรูปสัญญาณเทเลแกรมผ่านบอดี้บัส (K บัส )

จอแสดงผลความเร็วรอบเครื่อง

แผงหน้าปัด ใช้สัญญาณความเร็วรอบเครื่องจากชุดควบคุมเครื่องยนต์ (td สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน) เพื่อกำหนดความเร็วรอบเครื่อง การปรับให้เข้ากับเครื่องยนต์ประเภทต่างๆ จะใช้ข้อมูลรหัสที่บันทึกไว้

ตั้งแต่เทอร์มินอล 15 "ON" แผงหน้าปัดจะทำหน้าที่ควบคุมอุปกรณ์วัดความเร็วรอบเครื่อง (ตัวนับรอบ) โดยใช้สัญญาณความเร็วรอบเครื่องที่ตรงกัน ข้อมูลความเร็วรอบเครื่องนี้จะส่งผ่านทางบอดี้บัส (K บัส) สำหรับชุดควบคุมอื่นๆ ด้วย

เริ่มใช้ตั้งแต่ 9/97 แผงหน้าปัดประกอบด้วยจุดต่อ CAN ข้อมูลรหัสจะกำหนดว่าจะส่งสัญญาณความเร็วรอบเครื่องผ่านทาง CAN บัส หรือผ่านสายสัญญาณอื่นไปยังแผงหน้าปัด

การแสดงความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง

สัญญาณความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง t_KVA ได้มาจากสัญญาณการฉีดเชื้อเพลิงที่ป้อนโดยชุดควบคุมเครื่องยนต์ เมื่อรวมกับสัญญาณตำแหน่ง จะได้ค่าความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่อหน่วยระยะทาง (เช่น ลิตร/100 กิโลเมตร)

สัญญาณความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง t_KVA ไม่ได้ใช้ในการคำนวณความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเท่านั้น แต่จะใช้ในการควบคุมการแสดงระยะเวลาการเข้ารับบริการด้วย

เริ่มใช้ตั้งแต่ 9/97 แผงหน้าปัดประกอบด้วยจุดต่อ CAN ข้อมูลรหัสจะกำหนดว่าจะส่งสัญญาณความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงผ่านทาง CAN บัส หรือผ่านสายสัญญาณอื่นไปยังแผงหน้าปัด

เกจน้ำมันเชื้อเพลิง

ปริมาณน้ำมันในถัง สามารถวัดได้โดยใช้เซ็นเซอร์แบบก้านสองชุดที่ต่อแยกกันเข้ากับแผงหน้าปัด เซ็นเซอร์แบบก้านแต่ละตัวต่ออยู่กับกราวด์ที่แยกกัน (กราวด์แบบอนาล็อก) และสายเซ็นเซอร์ (ขั้วบวกแบบอนาล็อก) ไปยังแผงหน้าปัด ไม่มีหน้าสัมผัสถังน้ำมันสำรองในเซ็นเซอร์วัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อสั่งไฟเตือนน้ำมันเชื้อเพลิงสำรองให้ทำงาน ไฟเตือนน้ำมันเชื้อเพลิงสำรองจะติดสว่าง โดยขึ้นกับปริมาณน้ำมันในถัง เมื่อเปรียบเทียบกับค่าขีดจำกัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิงสำรอง

และจะจ่ายสัญญาณ "น้ำมันเชื้อเพลิงสำรอง" เป็นข้อมูลของระบบควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ และจะส่งสัญญาณนี้ให้กับไฟเตือนน้ำมันเชื้อเพลิงสำรองด้วย โดยไฟเตือนจะติดสว่างเป็นเวลา 2 วินาที เป็นการตรวจสอบการทำงาน ขณะเทอร์มินอล 15 "ON" (การตรวจสอบก่อนการขับขี่)

วิธีการในการวัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิงของถังทั้งครึ่งซ้ายและครึ่งขวาจะแตกต่างกัน ซึ่งสามารถกำหนดได้โดยการข้อมูลรหัส

การแสดงผลอุณหภูมิสารหล่อเย็น

แผงหน้าปัดจะวัดอุณหภูมิสารหล่อเย็นในขณะนั้น จากเซ็นเซอร์อุณหภูมิสารหล่อเย็น (ตัวต้านทาน NTC) เซ็นเซอร์อุณหภูมิสารหล่อเย็นต่ออยู่กับกราวด์ที่แยกกัน (กราวด์แบบอนาล็อก) และสายสัญญาณวัด (ขั้วบวกแบบอนาล็อก) ไปยังแผงหน้าปัด

แผงหน้าปัดจะส่งข้อมูล "อุณหภูมิสารหล่อเย็น" ผ่านทาง บอดี้บัส (K บัส) สำหรับระบบอื่นๆ

เริ่มนำมาใช้ตั้งแต่ 9/97 แผงหน้าปัดประกอบด้วยจุดต่อ CAN ข้อมูลรหัสจะเป็นตัวกำหนดว่าจะส่งสัญญาณอุณหภูมิสารหล่อเย็นผ่านทาง CAN บัส หรือผ่านสายสัญญาณสายอื่นที่มีเซ็นเซอร์อุณหภูมิสารหล่อเย็น ไปยังแผงหน้าปัด

จอแสดงระยะเวลาการเข้ารับบริการ

จอแสดงระยะเวลาการเข้ารับบริการ (SIA) เป็นตัวแสดงให้คนขับและศูนย์บริการทราบถึงกำหนดการถ่ายน้ำมันเครื่อง, กำหนดการตรวจสอบตามระยะทาง หรือกำหนดการตรวจสอบตามเวลา ระยะเวลาการตรวจสภาพรถยนต์ สัมพันธ์กับความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง สถานะของระยะเวลาการเข้ารับบริการในขณะนั้นจะแสดงขึ้น ตั้งแต่เทอร์มินอล 15 "ON" เป็นเวลา 10 วินาที หลังจากความเร็วรอบเครื่องลดลงถึงค่าต่ำสุดที่ 400 rpm

ข้อมูลของจอแสดงระยะเวลาการเข้ารับบริการ (SIA) จะบันทึกไว้ในโมดูลเช็ค-คอนโทรล/ไฟ (LCM ) ด้วย

รีเซ็ตจอแสดงระยะเวลาการเข้ารับบริการ

จอแสดงระยะเวลาการเข้ารับบริการ (SIA) สามารถรีเซ็ตได้โดยใช้สัญญาณกระตุ้นตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ จากปุ่มรีเซ็ตระยะเวลาการเข้ารับบริการ ขั้นตอนการรีเซ็ตของแต่ละอย่าง สามารถทำแยกกันได้ (การรีเซ็ตจอแสดงระยะเวลาการเข้ารับบริการ [SIA]) การเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง, กำหนดการตรวจสอบตามเวลา หรือ/และ การตรวจสอบตามระยะทาง สามารถทำการรีเซ็ตได้

ค่าระยะทางรวม

จอแสดงระยะเดินทางรวม เป็นส่วนหนึ่งของจอ LC ระยะเดินทางในขณะนี้จะปรากฏขึ้นในจอแสดง เมื่อเทอร์มินอล R "ON" ในขณะที่เทอร์มินอล R "OFF" เมื่อกดปุ่มรีเซ็ตระยะเดินทางต่อเที่ยวแล้วปล่อย จะแสดงระยะเดินทางขึ้นเป็นเวลาประมาณ 25 วินาที หน่วยของระยะทาง (กม./ไมล์) ขึ้นอยู่กับรุ่นประเทศที่ให้รหัสไว้ จะแสดงขึ้นระหว่างอุปกรณ์บันทึกระยะทางรวมและตัวบันทึกระยะเดินทางต่อเที่ยว ระยะทางจะส่งผ่านบอดี้บัสเป็นสัญญาณเทเลแกรม (K บัส)

ระยะทางรวมจะบันทึกไว้ในแผงหน้าปัด และในโมดูลเช็ค-คอนโทรล/ไฟ (LCM) ระยะทางรวมจะแสดงเป็น "999999" ถ้าแผงหน้าปัดไม่สามารถอ่านระยะทางรวมได้ และไม่สามารถอ่านจากโมดูลเช็ค-คอนโทรล/ไฟ (LCM)

ค่าระยะเดินทางต่อเที่ยว

จอแสดงระยะเดินทางในแต่ละเที่ยว เป็นอุปกรณ์ส่วนหนึ่งของจอ LC ค่าระยะการเดินทางต่อเที่ยวจะปรากฏขึ้นบนจอแสดงผล เมื่อ "เทอร์มินอล R ON" ในขณะที่ "เทอร์มินอล R OFF" การกดปุ่มแผงหน้าปัดแล้วปล่อย จะแสดงผลระยะเดินทางเป็นเวลาประมาณ 25 วินาที หน่วยของระยะทาง (กม./ไมล์) ขึ้นอยู่กับรุ่นประเทศที่ให้รหัสไว้ จะแสดงขึ้นระหว่างอุปกรณ์บันทึกระยะทางรวมและตัวบันทึกระยะเดินทางต่อเที่ยว

ส่วนแสดงผลอุณหภูมิภายนอก

แผงหน้าปัดจะวัดอุณหภูมิภายนอกในขณะนั้น โดยใช้เซ็นเซอร์อุณหภูมิภายนอก (ตัวต้านทาน NTC) เซ็นเซอร์อุณหภูมิภายนอกต่ออยู่กับกราวด์ที่แยกกัน (กราวด์อนาล็อก) และสายสัญญาณวัด (ขั้วบวกแบบอนาล็อก) ต่ออยู่กับแผงหน้าปัด อุณหภูมิภายนอกจะแสดงผลในแผงหน้าปัดตลอดเวลา ถ้าอุณหภูมิภายนอกลดต่ำกว่า +3^o C ในขณะขับขี่ เสียงเตือน (ชุดเสียงสัญญาณ หรือเสียงปี๊บเตือนสภาพผิวถนนเป็นน้ำแข็งขึ้นอยู่กับการให้รหัส) จะดังขึ้น และค่าที่แสดงขึ้นจะกะพริบ (ขึ้นอยู่กับการให้รหัส)

หน่วยในการแสดงผล (^oC/^o F) จะกำหนดไว้ในข้อมูลรหัส อย่างไรก็ตาม สามารถเปลี่ยนหน่วยที่แสดงได้ (ตั้งแต่ดรรชนีการวิเคราะห์ 31, กรุณาดูที่ "โปรแกรมวิเคราะห์", "แผงหน้าปัด", "การระบุข้อมูล") จาก ^oC เป็น ^o F และ จาก ^oF เป็น ^oC โดยต้องบิดสวิตช์กุญแจจากตำแหน่ง "1" (เทอร์มินอล "R") ไปที่ตำแหน่ง "0" (เทอร์มินอล "15" และ เทอร์มินอล "R" OFF) พร้อมกับกดปุ่มรีเซ็ตระยะเดินทางต่อเที่ยว หน่วยของอุณหภูมิที่แสดงจะเปลี่ยนหลังจากปล่อยปุ่มรีเซ็ตระยะเดินทางต่อเที่ยว และตั้งแต่สวิตช์กุญแจอยู่ที่ตำแหน่ง "1" (เทอร์มินอล "R") การแสดงหน่วยที่เลือกไว้จะคงค่าที่ตั้งไว้ นานเท่าที่แหล่งจ่ายไฟยังป้อนไฟให้แผงหน้าปัด และจะไม่สั่งให้ทำการรีเซ็ต

การแสดงผลอยู่ในช่วง ตั้งแต่ -40^oC ถึง +50^oC การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิภายนอก ได้รับการหน่วงในจอแสดงผล เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการแสดงผลอุณหภูมิภายนอกที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากผลของการแผ่รังสีความร้อนของเครื่องยนต์ และสภาพสิ่งแวดล้อมอื่นๆ แต่การลดลงของอุณหภูมิภายนอกจะแสดงผลในทันที

แผงหน้าปัดจะส่งข้อมูล "อุณหภูมิภายนอก" ผ่านทาง บอดี้บัส (K บัส) เมื่อสวิตช์กุญแจอยู่ที่ตำแหน่ง "0" แผงหน้าปัดจะอ่านเซ็นเซอร์อุณหภูมิภายนอกเป็นระยะๆ ซึ่งอยู่ภายในช่วงนาทีนั้น โดยแผงหน้าปัดจะทำงานชั่วขณะเพื่อแสดงข้อมูล แล้วจะทำการปิดสวิตช์ตัวเองลงอีกครั้ง

จอแสดงผลแบบผลึกเหลว (LC)

เนื้อหาโดยทั่วไป

ไฟพื้นหลังของบริเวณที่แสดงผลแบบ LC ทั้งหมด ได้รับแสงสว่างจาก ไฟ LED ไฟ LED ให้แสงสว่างบริเวณไฟพื้นหลัง สำหรับจอแสดงระยะเวลาการเข้ารับบริการ (SIA) พร้อมกับจอแสดงเกียร์, มิเตอร์วัดระยะทางรวมพร้อมตัวบันทึกระยะเดินทางต่อเที่ยว และอุณหภูมิภายนอก หรือฟังก์ชั่นของจอแสดงผลออนบอร์ดคอมพิวเตอร์ และส่วนแสดงข้อความเช็ค-คอนโทรล

ฟังก์ชั่นของออนบอร์ดคอมพิวเตอร์

ถ้าไม่มีและไม่ได้ให้รหัสฟังก์ชั่นออนบอร์ดคอมพิวเตอร์ แผงหน้าปัด (รุ่นธรรมดา) จะแสดงผลแต่อุณหภูมิภายนอกเท่านั้น

ข้อความเช็ค-คอนโทรล

แผงหน้าปัด (รุ่นธรรมดา) จะมีส่วนของจอ LC สำหรับแสดงข้อความเช็ค-คอนโทรล เป็นอุปกรณ์เสริม (เป็นมาตรฐานในบางโมเดลเท่านั้น) ไฟพื้นหลังของสัญลักษณ์รถจะติดสว่าง เมื่อมีข้อความเช็ค-คอนโทรลจากโมดูลเช็ค-คอนโทรล/ไฟ เท่านั้น ในส่วนจอ LC จะแสดงความผิดปกติของไฟต่ำด้านซ้ายและด้านขวา, ไฟถอยหลังด้านซ้ายและด้านขวา, ไฟเบรคด้านซ้ายและด้านขวาในข้อความเช็ค-คอนโทรล ในกรณีที่ สวิตช์ไฟเบรคเกิดความบกพร่อง ไฟเบรคทั้งสองด้านจะแสดงว่าไฟผิดปกติ ถ้าไฟเบรคกลางเกิดความบกพร่อง โมดูลเช็ค-คอนโทรล/ไฟ จะสร้างสัญลักษณ์ไฟเบรคที่ด้านขวา และจะแสดงสถานะความผิดปกติของไฟ (ที่ติดสว่างในเวลาเดียวกัน) ไปพร้อมกัน

ข้อความ "เติมน้ำให้ได้ระดับ" จะแสดงขึ้นในรูปแผนภาพในส่วนแสดงผลสำหรับข้อความเช็ค-คอนโทรลด้วยเช่นกัน และจะส่งข้อความแสดงความผิดปกติของไฟ และข้อความ "เติมน้ำให้ได้ระดับ" จากโมดูลเช็ค-คอนโทรล/ไฟ ผ่านทางบอดี้บัส (K บัส) ไปยังแผงหน้าปัด ข้อความ "เติมน้ำให้ได้ระดับ" เป็นข้อความที่มีสถานะความสำคัญในระบบการแสดงผลมากกว่าข้อความอื่น เมื่อได้รับข้อความนี้ ข้อความนี้จะคงอยู่จนกระทั่งเทอร์มินอล 15 "OFF" แล้วดับลง หลังจากเวลาผ่านไป 60 วินาทีแล้ว ระบบจะประเมินข้อความนี้อีกครั้ง เมื่อเทอร์มินอล 15 "ON" ในครั้งต่อไปเท่านั้น

ข้อความ "ประตูเปิด" สามารถแสดงโดยแยกกัน สำหรับประตูทั้งสี่ด้านและฝากระโปรงหลัง ข้อความเหล่านี้จะส่งผ่านทางบอดี้บัส (K บัส) จากเจนเนอรัลโมดูลไปยังแผงหน้าปัด

การปรับความสว่างของเครื่องวัด

โฟโตทรานซิสเตอร์ ทำหน้าที่ควบคุมความสว่างของส่วนจอ LC เมื่อเปิดไฟรถยนต์ โฟโตทรานซิสเตอร์และค่าการปรับความสว่างที่ตั้งไว้จะเป็นตัวควบคุมความสว่างภายในรถ

โมดูลเช็ค-คอนโทรล/ไฟ (LCM) จะส่งค่าการปรับความสว่างที่ตั้งไว้สำหรับไฟอุปกรณ์ และไฟแสดง เป็นสัญญาณเทเลแกรมผ่านทางบอดี้บัส (K บัส) และผ่านทางสาย 58g เป็นสัญญาณกำลังไฟไปที่แผงหน้าปัด

ตัวแสดงสัญญาณเสียง

การตรวจสอบไฟแสดงสัญญาณไฟเลี้ยว

จะใช้เสียงการตัดต่อของรีเลย์ ซึ่งทำงานในจังหวะเดียวกันกับไฟแสดงสัญญาณไฟเลี้ยว เป็นตัวตรวจสอบไฟแสดงสัญญาณไฟเลี้ยว

สัญญาณเตือนระบบไฟส่องสว่าง

สัญญาณเตือนระบบไฟส่องสว่างมีเพียงสัญญาณเสียงเท่านั้น โดยใช้รีเลย์ที่อยู่ในแผงหน้าปัดสำหรับการตรวจสอบไฟแสดงสัญญาณไฟเลี้ยว ในสัญญาณเตือนไฟส่องสว่างด้วยเช่นกัน สัญญาณเตือนระบบไฟส่องสว่างจะดังขึ้นเมื่อเปิดประตูด้านคนขับเป็นครั้งแรก และเมื่อไฟจอดรถติด โดยดัง 8 รอบ รอบละประมาณ 0.5 วินาที โทนเสียงจะดังต่อเนื่องที่ความถี่ประมาณ 64 Hz และหยุดระหว่างรอบประมาณ 0.5 วินาที ในระหว่างสัญญาณเตือนระบบไฟส่องสว่าง จะตรวจสอบไฟแสดงสัญญาณไฟเลี้ยวได้โดยใช้ไฟแสดงเท่านั้น

การเตือนเข็มขัดนิรภัย

เสียงเตือนเข็มขัดนิรภัยขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ให้รหัสไว้ และควบคุมโดยโมดูลเช็ค-คอนโทรล/ไฟ โดยการใช้สัญญาณเทเลแกรมที่ส่งผ่านทางบอดี้บัส (K บัส) ไปยังแผงหน้าปัด เมื่อกระตุ้นให้การเตือนเข็มขัดนิรภัยทำงาน ชุดเสียงกระดิ่งโทน 3 (T3) จะดัง ขึ้นนานที่สุดประมาณ 6 วินาทีโดยหยุดประมาณ 1.3 วินาที

การเตือนสวิตช์กุญแจ

เสียงเตือนสวิตช์กุญแจขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ให้รหัสไว้ และควบคุมโดยโมดูลเช็ค-คอนโทรล/ไฟ โดยการใช้สัญญาณเทเลแกรมที่ส่งผ่านทางบอดี้บัส (K บัส) ไปยังแผงหน้าปัด เมื่อกระตุ้นให้การเตือน สวิตช์กุญแจทำงาน ชุดเสียงกระดิ่งโทน 3 (T3) จะดัง ขึ้นนานที่สุดประมาณ 60 วินาทีโดยหยุดประมาณ 1.3 วินาที

การเตือนอุณหภูมิ

การควบคุมเสียงเตือนอุณหภูมิภายนอก เป็นฟังก์ชั่นของอุณหภูมิที่วัดได้โดยเซ็นเซอร์อุณหภูมิภายนอก ถ้าอุณหภูมิลดต่ำกว่า +3^oC เสียงเตือนในแผงหน้าปัดรุ่นธรรมดาจะส่งเสียงที่ความถี่ 2 kHz ที่สร้างโดยตัวทำเสียงบิ๊ปที่อยู่ในแผงหน้าปัด

ในกรณีของแผงหน้าปัดที่มีฟังก์ชั่นออนบอร์ดคอมพิวเตอร์ การเตือนเกี่ยวกับอุณหภูมิจะทำโดยชุดเสียงสัญญาณ โทน 3 (T3) สั้นๆ

การเตือนเกี่ยวกับความเร็ว

การเตือนเกี่ยวกับความเร็วขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ให้รหัสไว้ ค่าความเร็วซึ่งต้องการให้มีการเตือนสามารถระบุได้โดยใช้โปรแกรมการให้รหัส การเตือนความเร็ว เป็นเงื่อนไขทางกฎหมายสำหรับรุ่นประเทศ "กลุ่มอาหรับ"

สัญญาณเอาต์พุตมาตรวัดความเร็ว

แผงหน้าปัดได้รับสัญญาณตำแหน่ง tw จากชุดควบคุมระบบป้องกันการเบรคล็อคล้อ (ABS) / ระบบควบคุมเสถียรภาพอัตโนมัติ (ASC) / ระบบควบคุมเสถียรภาพแบบไดนามิก (DSC)

แผงหน้าปัดจะรับสัญญาณความเร็ว (สัญญาณเอาต์พุตมาตรวัดความเร็ว) จากสัญญาณตำแหน่ง tw และจากหมายเลขพัสส์แสดงตำแหน่ง (หมายเลข K) ซึ่งบันทึกไว้เป็นข้อมูลรหัสในแผงหน้าปัด

และจะส่งสัญญาณความเร็ว (สัญญาณเอาต์พุตมาตรวัดความเร็ว) ให้เป็นสัญญาณเอาต์พุตไปยังชุดควบคุมที่ต่ออยู่ ชุดควบคุมที่ต่ออยู่จะรับข้อมูลความเร็วรถสำหรับสัญญาณเอาต์พุตมาตรวัดความเร็ว โดยการวัดความถี่หรือช่วงคาบเวลา ข้อมูลความเร็วนี้จะส่งผ่านบอดี้บัส (K บัส) เป็นสัญญาณเทเลแกรม

การตรวจจับเกียร์ถอยหลัง (เกียร์ธรรมดา)

ฟังก์ชั่น "การตรวจจับการถอยหลัง" จะทำงานก็ต่อเมื่อมีการให้รหัสนี้ให้กับแผงหน้าปัดเท่านั้น ถ้าได้ให้รหัสแผงหน้าปัดไว้สำหรับเกียร์ธรรมดา จอแสดงโปรแกรมและคันเกียร์สำหรับเกียร์อัตโนมัติจะไม่ปรากฏขึ้น

ข้อมูล "เข้าเกียร์ถอยหลังแล้ว" จะส่งในรูปของสัญญาณเทเลแกรม ผ่านทางบอดี้บัส (K บัส)

จอแสดงโปรแกรมของชุดเกียร์ (เกียร์อัตโนมัติ)

ถ้าได้ให้รหัสแผงหน้าปัดไว้สำหรับเกียร์อัตโนมัติ จอแสดงโปรแกรมและคันเกียร์เกียร์อัตโนมัติจะทำงาน

แผงหน้าปัดจะต่อเข้ากับชุดควบคุมชุดเกียร์โดยใช้สายเชื่อมต่อข้อมูลที่แยกกัน ชุดควบคุมระบบเกียร์จะส่งข้อมูล (ผ่านทางสายข้อมูลนี้) ไปยังแผงหน้าปัดว่า เข้าเกียร์ใดอยู่ ใช้โปรแกรมการขับเคลื่อนใดอยู่ และระบบเกียร์อยู่ในโปรแกรมฉุกเฉินหรือไม่ ถ้าเข้าเกียร์ถอยหลังอยู่ จะส่งข้อมูลนี้ผ่าน K บัส

บอดี้บัส (K บัส)

บอดี้บัส (K บัส) เป็นหนึ่งในสองของสายส่งข้อมูล (สายข้อมูล/แบบอนุกรม) กโดยผ่านสายข้อมูลไปยังชุดควบคุมอื่น แผงหน้าปัดจะทำหน้าที่ตรวจสอบบอดี้บัสในทางไฟฟ้าเท่านั้ และเจนเนอรัลโมดูล (GM) จะทำหน้าที่ตรวจสอบสถานะของบอดี้บัส นอกจากนี้ แผงหน้าปัดยังทำหน้าที่ในการเชื่อมต่อ :

• K บัส (บอดี้บัส)
  
• บัสการวิเคราะห์ (เชื่อมต่อไปยังซอคเก็ตการวิเคราะห์)
  

ระบบบัส เข้าด้วยกัน (ฟังก์ชั่นเกตเวย์)

บัสการวิเคราะห์ (D บัส)

บัสการวิเคราะห์ (D บัส) เป็นหนึ่งในสองสายข้อมูล (สายข้อมูลแบบอนุกรม) ผ่านสายข้อมูลสองสายนี้ไปยังชุดควบคุมที่สามารถวิเคราะห์ได้ บัสการวิเคราะห์ จะทำงานก็ต่อเมื่อ ได้ต่อระบบเซอร์วิสเทสต์ของ BMW เข้ากับซอคเก็ตการวิเคราะห์แลัวเท่านั้น

ไฟเตือนต่างๆ

เนื้อหาโดยทั่วไป : ไฟ LED เป็นตัวให้ความสว่างพื้นหลังของสัญลักษณ์ไฟเตือนต่างๆ เช่น ระดับเกียร์ที่เข้าอยู่ (เกียร์อัตโนมัติ) รวมทั้งโปรแกรมการขับที่เลือก

ไฟเตือนเบรคทั่วไป : ไฟเตือนจะติดสว่างได้โดยใช้โมดูลเช็ค-คอนโทรล/ไฟ (LCM) เช่น เมื่อ LCM ตรวจพบว่าระดับของน้ำมันเบรคต่ำเกินไป หรือแผงหน้าปัดตรวจพบว่าวงจรเซ็นเซอร์ผ้าเบรคลัดวงจรลงกราวด์ นอกจากนี้ ไฟเตือนจะสว่างขึ้น หลังจากบิดสวิตช์กุญแจไปที่ "ON" เพื่อเป็นการตรวจสอบการทำงาน (การตรวจสอบก่อนการขับขี่) และจะดับไปเมื่อความเร็วรอบเครื่องสูงกว่าความเร็วรอบต่ำสุด 400 รอบต่อนาที

ไฟแสดงเข็มขัดนิรภัย : ข้อมูลรหัส เป็นตัวกำหนดการทำงานของไฟแสดงเข็มขัดนิรภัย สำหรับรถยนต์ที่ไม่มีหน้าคอนแทคหัวเข็มขัดนิรภัย ไฟเตือนเข็มขัดนิรภัยจะสว่างขึ้นเป็นเวลาประมาณ 6 วินาที หลังจากเทอร์มินอล 15 "ON"

ในรถยนต์ที่ติดตั้งหน้าคอนแทคหัวเข็มขัดนิรภัย ไฟแสดงจะติดสว่างตั้งแต่เทอร์มินอล 15 "ON" โดยใช้สัญญาณเทเลแกรม K บัส ที่ส่งจากโมดูลเช็ค-คอนโทรล/ไฟ (LCM) จนกว่าหน้าคอนแทคของเข็มขัดนิรภัยจะเปิดออก (หัวเข็มขัดนิรภัยล็อคอยู่ในตำแหน่ง)

ไฟเตือนน้ำมันเชื้อเพลิงสำรอง : ไฟเตือนน้ำมันเชื้อเพลิงสำรองจะไม่ได้ทำงานโดยการสั่งงานจากหน้าสัมผัสถังน้ำมันสำรองในเซ็นเซอร์วัดระดับน้ำมัน ซึ่งจะติดสว่าง โดยขึ้นกับปริมาณน้ำมันในถัง เมื่อเปรียบเทียบกับค่าขีดจำกัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิงสำรอง

และจะจ่ายสัญญาณ "น้ำมันเชื้อเพลิงสำรอง" เป็นข้อมูลของระบบควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ และจะส่งสัญญาณนี้ให้กับไฟเตือนน้ำมันเชื้อเพลิงสำรองด้วย โดยไฟเตือนจะติดสว่างเป็นเวลา 2 วินาที เป็นการตรวจสอบการทำงาน ขณะเทอร์มินอล 15 "ON" (การตรวจสอบก่อนการขับขี่)

ไฟแสดงสัญญาณไฟเลี้ยว : ไฟแสดงสัญญาณไฟเลี้ยวจะทำงานโดยอาศัยสัญญาณเทเลแกรม K บัส ที่ส่งจากโมดูลเช็ค-คอนโทรล/ไฟ (LCM) ไปยังแผงหน้าปัด (IKE)

ไฟแสดงไฟตัดหมอก : ไฟแสดงไฟตัดหมอกจะทำงานโดยอาศัยสัญญาณเทเลแกรม K บัส ที่ส่งจากโมดูลเช็ค-คอนโทรล/ไฟ (LCM) ไปยังแผงหน้าปัด

ไฟแสดงไฟตัดหมอกด้านหลัง : ไฟแสดงไฟตัดหมอกด้านหลังจะทำงาน โดยใช้สัญญาณเทเลแกรม K บัส ที่ส่งจากโมดูลเช็ค-คอนโทรล/ไฟ (LCM) ไปยังแผงหน้าปัด

ไฟเตือนไฟสูง : ไฟเตือนไฟสูงจะทำงานโดยใช้สัญญาณเทเลแกรม K บัส ที่ส่งจากโมดูลเช็ค-คอนโทรล/ไฟ (LCM) ไปยังแผงหน้าปัด

ไฟเตือนระดับน้ำมันหล่อลื่น : ไฟเตือนนี้จะทำงานโดยใช้สัญญาณเทเลแกรม K บัส ที่ส่งจากโมดูลเช็ค-คอนโทรล/ไฟ (LCM) ไปยังแผงหน้าปัด

เพื่อเป็นการตรวจสอบการทำงาน ไฟเตือนจะติดเป็นเวลา 2 วินาที ขณะเทอร์มินอล 15 "ON" (การตรวจสอบก่อนการขับขี่)

ระบบกันสะเทือนด้วยอากาศ : ถ้าให้รหัสไว้ ไฟเตือนจะทำงานโดยใช้สัญญาณเทเลแกรม K บัส ที่ส่งจากชุดควบคุมระบบกันสะเทือนด้วยอากาศ (EHC) ไปยังแผงหน้าปัด

ถ้าให้รหัสไว้ ไฟเตือนจะติดสว่างเป็นเวลา 2 วินาที เพื่อเป็นการตรวจสอบการทำงาน ขณะเทอร์มินอล 15 "ON" (การตรวจสอบก่อนการขับขี่)

ระบบกันสะเทือนด้วยอากาศ : ถ้าให้รหัสไว้ ไฟเตือนจะทำงานโดยใช้สัญญาณเทเลแกรม K บัส ที่ส่งจากชุดควบคุมระบบกันสะเทือนด้วยอากาศ (EHC) ไปยังแผงหน้าปัด

ความผิดปกติของระบบเกียร์ : ถ้าให้รหัสเกียร์อัตโนมัติไว้ ไฟเตือนจะทำงาน โดยใช้สัญญาณเทเลแกรม (150 Baud) ที่ส่งจากชุดควบคุมเกียร์อัตโนมัติ แผงหน้าปัดจะรับข้อมูลผ่านทางสายข้อมูลนี้ว่ากำลังเข้าเกียร์ใดอยู่ เพื่อแสดงสถานะเกียร์ที่เหมาะสม

หมายเหตุ

ไฟแสดงในรายการต่อไปนี้ ได้รับการควบคุมโดยตรงโดยระบบที่เกี่ยวข้องผ่านขาคอนเนคเตอร์ที่ตรงกัน

ไฟแสดงความดันน้ำมัน : สวิตช์ความดันน้ำมันเครื่องทำหน้าที่สั่งงานไฟแสดงนี้

ไฟแสดงการชาร์จแบตเตอรี่ : ไฟแสดงนี้จะทำงานโดยใช้สัญญาณ D+ เทอร์มินอล 61 (โหมดการชาร์จใช้แรงดันประมาณแรงดันไฟฟ้าของระบบ) ที่ส่งไปยังแผงหน้าปัด

ไฟเตือนเบรคจอดรถ : สวิตช์เบรคจอดรถเป็นตัวสั่งเปิดไฟเตือนนี้ สวิตช์จะเปิด เมื่อปลดเบรคจอดรถ

เพื่อเป็นการตรวจสอบการทำงาน ไฟเตือนจะติดเป็นเวลา 2 วินาที ขณะเทอร์มินอล 15 "ON" (การตรวจสอบก่อนการขับขี่)

ไฟแสดงถุงลมนิรภัย : เมื่อมีสัญญาณ (กราวด์) จากชุดควบคุมถุงลมนิรภัย ไฟเตือนจะติดสว่างขึ้น

ไฟแสดงระบบป้องกันการเบรคล็อคล้อ : ไฟเตือนนี้จะทำงานโดยรับคำสั่งจากชุดควบคุม ABS เนื่องจากไฟเตือนจะต้องติดสว่าง แม้ในกรณีที่สายสัญญาณเสีย ดังนั้นจึงมีอินพุตสัญญาณชุดที่สองในแผงหน้าปัด เพื่อส่งสัญญาณให้ไฟเตือน ในกรณีของชุดควบคุม ABS ใหม่นี้ สายสัญญาณเส้นที่สองต้องต่อกับกราวด์ เพื่อให้ไฟเตือน ABS ติด ฟังก์ชั่นใหม่ๆ เช่น ไฟเตือนสายสัญญาณเส้นมีไฟ (แรงดันไฟฟ้าของระบบ) ทำงาน, ไฟเตือนสายสัญญาณเส้นไม่มีไฟ (กราวด์) ไม่ทำงาน และไฟเตือนสายสัญญาณขาด (ค่าโอห์มสูง, ไม่ต่อเนื่อง) ทำงาน เป็นต้น ต่างก็จัดอยู่ในกรณีสายสัญญาณขาดทั้งสิ้น ฟังก์ชั่นก่อนหน้านี้ เช่น ไฟเตือนสายสัญญาณขาด (ค่าโอห์มสูง) ไม่ทำงาน และไฟเตือนสายสัญญาณเส้นไม่มีไฟ (กราวด์) ทำงาน ก็ยังสามารถเรียกใช้งานได้

ไฟแสดงเครื่องฟอกไอเสีย (รุ่นประเทศญี่ปุ่น) : ไฟเตือน "เครื่องฟอกไอเสียมีความร้อนสูงเกิน" จะทำงานโดยใช้สัญญาณ (กราวด์) จากสวิตช์ความร้อนในระบบการทำความสะอาดไอเสีย

ตรวจเช็คเครื่องยนต์ (ไฟเตือนไอเสีย) : ไฟเตือน"ตรวจเช็คเครื่องยนต์" จะทำงานโดยใช้สัญญาณ (กราวด์) ที่ส่งจากชุดควบคุมเครื่องยนต์

ไฟแสดงการทำความร้อนล่วงหน้า (ดีเซล) : ไฟเตือน "ทำความร้อนล่วงหน้า" จะทำงานโดยใช้สัญญาณ (กราวด์) ที่ส่งจากชุดควบคุมเครื่องยนต์

ตัวแสดงระบบควบคุมความเร็วคงที่ทำงาน : "ตัวแสดงระบบควบคุมความเร็วคงที่ทำงาน" จะทำงานโดยใช้สัญญาณ (กราวด์) ที่ส่งจากชุดควบคุมความเร็วคงที่ หรือจากชุดควบคุมเครื่องยนต์สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล

ตรวจเช็คเครื่องยนต์ (ไฟเตือนแก๊สระบายทิ้ง) : ไฟเตือน "ASC" จะทำงานโดยสัญญาณ (กราวนด์) จากชุดควบคุมเครื่องยนต์ ไฟเตือนจะติดสว่าง ถ้าปิดสวิตช์ ASC เมื่อระบบ ASC ทำงาน ไฟเตือนจะดับหลังจากการตรวจสอบการทำงาน (การตรวจสอบก่อนการขับขี่) และจะกะพริบในระหว่างช่วงการควบคุม

เพื่อเป็นการตรวจสอบการทำงาน ไฟเตือนจะติดเป็นเวลา 2 วินาที ขณะเทอร์มินอล 15 "ON" (การตรวจสอบก่อนการขับขี่)