นอกจากระบบลำโพงสเตอริโอและระบบแอ็คทีฟไฮไฟที่ติดตั้งเป็นแบบมาตรฐานแล้ว ยังมีระบบท็อปไฮไฟไว้บริการด้วย
เมื่อเปรียบเทียบระบบท็อปไฮไฟกับระบบแอ็คทีฟไฮไฟแล้ว ระบบท็อปไฮไฟจะมีเครื่องขยายสัญญาณที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า (เครื่องขยายสัญญาณ DSP) และมีลำโพงซับวูฟเฟอร์ที่มี 4 ลำโพง
ระบบท็อปไฮไฟยังยอมให้มีการตั้งความสมดุลย์ของเสียง โดยการใช้อีควอไลเซอร์แบบ 7 ย่านความถี่ และคุณลักษณะของการจำลองขนาดที่ว่างอีกด้วย
สามารถสั่งงานเครื่องขยายสัญญาณ DSP ผ่านชุดควบคุมออนบอร์ดมอนิเตอร์ หรือผ่าน MID โดยขึ้นอยู่กับระดับของอุปกรณ์รถยนต์ สามารถติดตั้งฟังก์ชั่นการจำลองแบบห้อง และ ฟังก์ชั่นอิควอไลเซอร์ได้ที่จุดนี้ เครื่องขยายสัญญาณ DSP จะรับข้อมูลจากแผงควบคุมผ่านระบบบัส
เนื่องจากขนาดของห้องผู้โดยสาร จะทำให้เกิดการสะท้อนเสียงที่รวดเร็วมากจนสมองไม่สามารถจำแนกได้ เว้นแต่การเพิ่มขึ้นของพลังเสียงที่กระทบโดยตรง ดังนั้น เสียงที่ได้ยินในรถยนต์จะค่อนข้างไม่ชัด แห้ง และแตกต่างจากเสียงที่ได้ยินในห้องนั่งเล่นอย่างมาก
สามารถทำให้เสียงในรถยนต์มีความคล้ายคลึงกับเสียงในห้องนั่งเล่นมากขึ้นได้ โดยการเพิ่มตัวสะท้อนเสียงพิเศษเข้าไป สามารถเลือกการตั้งเสียงได้สามแบบ : คอนเสิร์ตฮอลล์, แจ๊สคลับ และแบบคาร์ธีดรอล นอกจากนี้ยังสามารถปรับค่าพารามิเตอร์ของขนาดช่องว่าง และสัดส่วนการสะท้อนเสียงได้เจ็ดระดับตามความต้องการ
เพื่อทำการแก้ไขเสียงเฉพาะบุคคล ระบบมีอีควอไลเซอร์ช่วงความถี่ 7 ตัวที่มีช่วงการควบคุมอยู่ที่ +/- 10 dB ไว้ให้
คลื่นความถี่ระดับกลางสามารถเปลี่ยนได้ดังต่อไปนี้ : 80 Hz, 200 Hz, 500 Hz, 1 kHz, 2 kHz, 5 kHz และ 12 kHz
สามารถทำการบันทึกการตั้งค่าที่แตกต่างกันถึง 3 แบบ เมื่อใช้งานร่วมกับคุณสมบัติการจำลองแบบห้อง