ฟังก์ชั่นการทำความร้อนและการปรับอากาศ

ระบบทำความร้อน-ปรับอากาศอัตโนมัติแบบรวม (IHKA) มีฟังก์ชั่นต่างๆ ดังต่อไปนี้ :

IHKA ทำหน้าที่ปรับอากาศภายในรถตามความต้องการของผู้โดยสารแต่ละคน โดย IHKA ที่ติดตั้งในรถ ได้แก่ รุ่นธรรมดา หรือ รุ่นพิเศษ การรับส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์รถยนต์กับ IHKA จะทำผ่านทางบัสข้อมูลของระบบ K-CAN

นอกจากนี้ สามารถติดตั้งระบบปรับอากาศด้านหลัง (FKA) พร้อมตู้แช่ เป็นอุปกรณ์เสริมพิเศษสำหรับระบบทำความร้อน/ปรับอากาศอัตโนมัติ (IHKA) รุ่นพิเศษได้

FKA ต่อกับระบบน้ำยาทำความเย็นของ IHKA ผ่านวาล์วกันกลับสองตัวและท่อความดันกับท่อดูด วาล์วกันกลับจะอยู่ที่ด้านหน้าของอีแวปเพอเรเตอร์แต่ละตัว และจะติดตั้งก็ต่อเมื่อมีการติดตั้ง FKA เท่านั้น การสั่งงานวาล์วกันกลับโดย FKA สามารถทำได้ก็ต่อเมื่อมีการให้รหัส IHKA เป็น ”มีการติดตั้ง FKA” เท่านั้น

หมายเหตุ : หากไม่มีการให้รหัส IHKA เป็น ”มีการติดตั้ง FKA” วาล์วกันกลับจะไม่มีกระแสไฟฟ้าและยังคงปิดอยู่ ในกรณีนี้ อาจเกิดความเสียหายขึ้นได้

คำอธิบายโดยย่อเกี่ยวกับอุปกรณ์

DME (ชุดอิเล็กทรอนิกส์ควบคุมเครื่องยนต์แบบดิจิตอล)

ระบบควบคุม IHKA จะส่งข้อมูลให้ชุดอิเล็กทรอนิกส์ควบคุมเครื่องยนต์แบบดิจิตอล ผ่านทางบัสข้อมูล K-CAN ของสถานะการสั่งงานคอมเพรสเซอร์ IHKA จะทำการสั่งงานคอมเพรสเซอร์ ถ้าไม่มีเงื่อนไขในการปิดระบบ (เช่น อุณหภูมิน้ำหล่อเย็นสูงเกินไป หรือโหมดคิกดาวน์) มายับยั้งการสั่งงานดังกล่าว เมื่อมีการสั่งงานคอมเพรสเซอร์ สามารถสลับการทำงานระหว่างมีและไม่มีการเพิ่มความเร็วรอบเดินเบาได้

ความเร็วรอบเดินเบาจะเพิ่มขึ้นเมื่อ

ความเร็วรอบเดินเบาจะไม่เพิ่มขึ้น เมื่อ

ชุดควบคุม IHKA

ชุดควบคุม IHKA ทำหน้าที่ตรวจจับสัญญาณต่างๆ ของอุปกรณ์ IHKA และควบคุม/ปรับขั้นตอนการทำความร้อนและการปรับอากาศ ชุดควบคุม IHKA จะสั่งให้ที่ทำความร้อนกระจกหลังทำงานและหยุดทำงาน ผ่านทางโมดูลจ่ายกำลังไฟ ชุดส่งเอาต์พุตสำหรับม่านบังแดดม้วนได้ด้านหลังจะรวมอยู่ในชุดควบคุม IHKA ด้วย ชุดควบคุม IHKA มีอยู่ สี่รุ่น ได้แก่ : รุ่นธรรมดา และ พิเศษ ที่มีและที่ไม่มีชุดส่งเอาต์พุตม่านบังแดดกระจกหลังแบบม้วนได้

LM (โมดูลไฟ)

LM (โมดูลไฟ) จะส่งข้อมูลการปรับตั้งความสว่างและสถานะไฟให้กับ IHKA (เช่น ไฟต่ำทำงาน) IHKA จะควบคุมความสว่างของไฟแสดงการทำงานและไฟแสดงตำแหน่งตามข้อมูลนี้

PM (โมดูลจ่ายกำลังไฟ)

โมดูลจ่ายกำลังไฟจะตรวจสอบสถานะประจุของแบตเตอรี่ และการใช้กระแสไฟฟ้าขณะใช้งานอุปกรณ์ของรถ รวมทั้งทำหน้าที่สั่งงานหรือยกเลิกการทำงานของที่ทำความร้อนกระจกหลัง ตามการสั่งงานของ IHKA นอกจากนี้ โมดูลจ่ายกำลังไฟยังควบคุมตัวล็อคฝากระโปรงหลังอีกด้วย โดยจะมีการรับส่งข้อมูลผ่านทางบัสข้อมูลอุปกรณ์ต่อพ่วงของ K-CAN

แผงควบคุมและจอแสดงการควบคุม

แผงควบคุม พร้อมชุดอิเล็กทรอนิกส์ควบคุมถูกติดตั้งรวมอยู่ในแผงหน้าปัด แผงควบคุมจะมีเฉพาะปุ่มควบคุมที่สำคัญมากที่สุดเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีปุ่ม ”ไฟฉุกเฉิน” และ ”เซ็นทรัลล็อค” ด้วย ระบบควบคุม IHKA จะไม่ประมวลผลฟังก์ชั่นปุ่มเหล่านี้ จุดต่อต่างๆ จะถูกเชื่อมต่อผ่านอุปกรณ์พื้นฐานของฮาร์ดแวร์

โดยจะใช้แผงควบคุมที่แตกต่างกัน สำหรับ IHKA รุ่นธรรมดา และ รุ่นพิเศษ แผงควบคุมของรุ่นธรรมดา จะไม่ได้รับ ฟังก์ชั่นปิดการทำงาน อย่างไรก็ตาม สามารถให้รหัสฟังก์ชั่นนี้ในหน่วยความจำรถยนต์แต่ละหน่วยได้

จอแสดงการควบคุม (จอออนบอร์ด) ติดตั้งรวมอยู่ในแผงคอนโซลหน้า การปรับความถูกต้องของฟังก์ชั่น IHKA สามารถทำได้ที่จอแสดงการควบคุม

เครื่องปรับอากาศของ IHKA

เครื่องปรับอากาศของ IHKA ติดตั้งอยู่ใต้แผงหน้าปัดบริเวณแผงกั้นตรงกลาง

เครื่องปรับอากาศประกอบด้วยอุปกรณ์/ชุดทำงานดังต่อไปนี้ :

เครื่องปรับอากาศมีหน้าที่การทำงานดังต่อไปนี้ :

หมายเหตุ : เมื่อใช้งาน IHKA เป็นครั้งแรก ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนที่อธิบายไว้ในหัวข้อ ”คอมเพรสเซอร์”

โบลเวอร์พร้อมตัวควบคุม

โบลเวอร์ : โบลเวอร์ติดตั้งรวมอยู่กับมอเตอร์โบลเวอร์เป็นชุดอุปกรณ์ชุดหนึ่งในบริเวณกล่องเก็บของ โดยสามารถถอดแยกโบลเวอร์ออกจากมอเตอร์ได้ เนื่องจากโบลเวอร์ติดตั้งอยู่ทางด้านผู้โดยสาร ดังนั้นจึงแบ่งออกเป็นรุ่น สำหรับรถพวงมาลัยซ้ายและพวงมาลัยขวา

ตัวควบคุม : ตัวควบคุมติดตั้งอยู่กับตัวเรือนมอเตอร์โบลเวอร์ ตัวควบคุมจะถูกสั่งงานจากชุดอิเล็กทรอนิกส์ควบคุมในแผงควบคุมของ IHKA ผ่านทาง MUX บัส ในลักษณะเดียวกับมอเตอร์ MUX และมีความสามารถในการวิเคราะห์ออนบอร์ด ข้อมูลการวิเคราะห์จะถูกส่งผ่านไปยังชุดอิเล็กทรอนิกส์ควบคุมเพื่อทำการประเมินผล ถ้าระบบการวิเคราะห์ออนบอร์ดพบความผิดปกติซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้อุปกรณ์มีความร้อนสูงเกิน จะมีการลดกระแสไฟลงหรือตัดการทำงาน จนกว่าจะได้แก้ไขความผิดปกติแล้ว

โบลเวอร์จะดูดอากาศเข้าสัมพันธ์กับตำแหน่งลิ้นอากาศ

อากาศจะถูกดูดเข้าผ่านสองช่องนี้ตามสถานะการสั่งงาน

ลิ้นอากาศพร้อมตัวขับและกลไก

ลิ้นอากาศทำหน้าที่จ่ายอากาศ และผสมอากาศร้อนและอากาศเย็น

ลิ้นอากาศบริสุทธิ์ : ลิ้นอากาศนี้ทำหน้าที่ปรับปริมาณอากาศบริสุทธิ์ที่ดูดเข้าโดยใช้โบลเวอร์ ตัวขับความเร็วสูงทำหน้าที่เลื่อนลิ้นอากาศ เพื่อให้ลิ้นอากาศสามารถปิดได้เร็วเป็นพิเศษในโหมดอากาศหมุนเวียนภายในแบบอัตโนมัติ (โหมด AUC) นอกจากนี้ ลิ้นอากาศบริสุทธิ์ยังทำหน้าที่ชดเชยแรงดันอัดของอากาศด้วย

ลิ้นอากาศหมุนเวียน : ลิ้นอากาศหมุนเวียนมีลักษณะเป็นบานเกล็ดที่มีแผ่นครีบสามอัน ลิ้นอากาศนี้ทำหน้าที่ปรับปริมาณอากาศหมุนเวียนภายในที่ดูดเข้ามา

ลิ้นอากาศช่องวางเท้า : ในรุ่น ธรรมดา ลิ้นอากาศช่องวางเท้าจะจ่ายลมเข้าไปในช่องวางเท้าด้านหน้าและด้านหลังโดยตรง ในรุ่นพิเศษ จะมีการจ่ายอากาศที่ช่องวางเท้าด้านหน้าและด้านหลังแยกกัน ระหว่างด้านซ้ายและด้านขวา

ลิ้นจ่ายอากาศห้องโดยสารด้านหลัง : ลิ้นจ่ายอากาศห้องโดยสารด้านหลัง (แยกกันที่ด้านซ้ายและด้านขวา) จะ มีติดตั้งในรุ่นพิเศษเท่านั้น ลิ้นจ่ายอากาศนี้ทำหน้าที่ปรับการไหลของอากาศที่ช่องลมแอร์ห้องโดยสารด้านหลัง และปรับอุณหภูมิ (การปรับอุณหภูมิอากาศห้องโดยสารด้านหลัง)

ลิ้นไล่ฝ้า : ลิ้นไล่ฝ้า ที่เชื่อมต่อกัน ทั้งสอง ทำหน้าที่ปรับการไหลของอากาศไปที่กระจกหน้า ลิ้นอากาศจะได้รับการสั่งงานร่วมกับการปรับและฟังก์ชั่นการทำงานทั้งหมดจากด้านคนขับเท่านั้น

ลิ้นอากาศร้อน/เย็น : ลิ้นอากาศร้อน/เย็น ทำหน้าที่ควบคุมการไหลของอากาศที่ช่องลมวัดอุณหภูมิของแผงหน้าปัดและที่ช่องลมแอร์เสา B นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมด้วย การทำงานร่วมกันของลิ้นอากาศคู่จะควบคุมการไหลของอากาศและอุณหภูมิไปพร้อมๆ กัน ในรุ่น พิเศษ จะแยกการทำงานด้านซ้ายและด้านขวาออกจากกัน

ตัวขับลิ้นอากาศ/สเต็ปปิงมอเตอร์

สเต็ปปิงมอเตอร์ที่แตกต่างกันถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะสำหรับตัวขับลิ้นอากาศ

มอเตอร์ความเร็วสูง :มอเตอร์ความเร็วสูง ใช้สำหรับลิ้นอากาศบริสุทธิ์ เท่านั้น ชุดอิเล็กทรอนิกส์ควบคุมจะสั่งให้ขดลวดของมอเตอร์เหล่านี้ทำงานด้วยความถี่สูงถึง 500 เฮิร์ทซ์

มอเตอร์ MUX : มอเตอร์ MUX ใช้ สำหรับลิ้นอากาศอื่นๆ ทั้งหมด มอเตอร์ MUX มีวงจรรวมสำหรับการควบคุมขดลวด วงจรรวมใช้ได้กับบัสและการวิเคราะห์ ชุดอิเล็กทรอนิกส์ควบคุมจะสั่งงานตัวขับ MUX ทั้งหมดและระบบควบคุมโบลเวอร์ ผ่านทางบัสมอเตอร์ธรรมดา (MUX บัส) ความผิดปกติที่รายงานจากวงจรรวมจะถูกบันทึกไว้ในชุดอิเล็กทรอนิกส์ควบคุม และส่งผลให้มีการยกเลิกการทำงาน

ตัวขับแต่ละตัวจะมีตำแหน่งที่ตั้งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ตั้งแต่ที่มีการผลิตออกมา ซึ่งทำให้สามารถจำแนกการติดต่อผ่านบัสได้ชัดเจน เนื่องจากมอเตอร์แต่ละตัวจะมีตำแหน่งที่ตั้งของตัวเอง ดังนั้นจึงไม่สามารถสลับตำแหน่งมอเตอร์กับมอเตอร์ตัวอื่นได้

คอนเดนเซอร์พร้อมดรายเออร์ที่ติดตั้งในตัว

การระบายพลังงานความร้อนที่เกิดจากการอัดน้ำยาทำความเย็นในสถานะแก๊สในระบบแลกเปลี่ยนความร้อน จะทำโดยใช้การหล่อเย็นด้วยอากาศในบริเวณโดยรอบผิวคอนเดนเซอร์ น้ำยาทำความเย็นจะควบแน่นและเปลี่ยนเป็นของเหลว ดรายเออร์ที่มีอยู่จะช่วยดูดซับน้ำที่มีในระบบน้ำยาทำความเย็นไว้ เพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายจากสนิม ไส้กรองดรายเออร์สามารถเปลี่ยนได้ ไส้กรองจะมีตะแกรงกรองเพื่อป้องกันฝุ่นละออง

คอมเพรสเซอร์

คอมเพรสเซอร์จะอัดน้ำยาทำความเย็นในสถานะแก๊สที่ดูดจากอีแวปเพอเรเตอร์ และอัดเข้าในคอนเดนเซอร์ โดยจะมีการทำงานทุกครั้งเมื่อเครื่องยนต์ทำงาน การปรับเอาต์พุตอย่างอิสระสามารถทำได้โดยใช้ชุดอิเล็กทรอนิกส์ควบคุม โดยขึ้นอยู่กับการออกแบบและการทำงานของวาล์วควบคุม พร้อมทั้งสัญญาณแบบโมดูเลตตามความกว้างพัลส์ แลเพื่อเป็นการลดโหลดการทำงาน จะมีการสร้างเอาต์พุตการทำความเย็นเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น เงื่อนไขการควบคุมและการเปลี่ยนการทำงานสำหรับกรณีนี้ คือ :

การรับส่งข้อมูลระหว่าง IHKA กับ DME จะทำผ่านทาง K-CAN บัส

หมายเหตุ : ในกรณีต่อไปนี้จะต้องทำการรันอินคอมเพรสเซอร์ตามที่กำหนด :

การรันอินคอมเพรสเซอร์ : เพื่อให้การหล่อลื่นคอมเพรสเซอร์ไม่มีความผิดปกติ จำเป็นต้องผสมน้ำมันหล่อลื่นที่บริษัทผู้ผลิตเติมไว้ ให้เสมอกันกับน้ำยาทำความเย็นเหลว โดยต้องให้คอมเพรสเซอร์ทำงานตามช่วงระยะเวลาที่กำหนด ที่ความเร็วรอบระหว่าง 300 ถึง 1500 รอบต่อนาที

ถ้าความเร็วรอบเดินเบาของเครื่องยนต์สูงเกิน 1500 รอบต่อนาที ขั้นตอนการรันอินจะถูกตัดการทำงานโดยอัตโนมัติ และมีข้อความแสดงขึ้น จากนั้นต้องทำขั้นตอนการรันอินซ้ำทั้งหมด

ข้อกำหนด : ต้องตั้งระบบปรับอากาศไว้ที่ OFF เมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ ห้ามเปิดระบบปรับอากาศก่อนมีข้อความแสดง

ทำขั้นตอนต่อไปนี้ :

พัดลมเสริม

พัดลมเสริมเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการหล่อเย็นคอนเดนเซอร์ ในเครื่องยนต์ N62 รุ่น EURO จะใช้พัดลมดูดอากาศไฟฟ้า โดยปกติเส้นกราฟลักษณะการทำงานของพัดลมที่ให้รหัสไว้นี้จะแสดงค่าขั้นต่ำเท่ากับระดับ 1 เมื่อระบบปรับอากาศทำงาน ระดับพัดลมที่ต้องการจะขึ้นอยู่กับความดันของน้ำยาทำความเย็น และระบบปรับอากาศจะส่งผ่านระดับพัดลมไปยัง DME ผ่านทาง CAN บัส

เซ็นเซอร์ความดัน

เซ็นเซอร์ความดันในท่อความดัน ระหว่างคอนเดนเซอร์กับอีแวปเพอเรเตอร์ จะส่งสัญญาณความดันของระบบไปยังชุดอิเล็กทรอนิกส์ควบคุม

เอ็กซ์แพนชั่นวาล์ว

เอ็กซ์แพนชั่นวาล์วติดตั้งอยู่กับอีแวปเพอเรเตอร์ ทำหน้าที่ควบคุมปริมาณน้ำยาทำความเย็นเหลวที่ฉีดเข้าไปในอีแวปเพอเรเตอร์ น้ำยาทำความเย็นเหลวจะถูกควบคุมให้มีปริมาณเพียงพอที่จะสามารถระเหยเข้าไปในอีแวปเพอเรเตอร์ได้หมดเท่านั้น

อีแวปเพอเรเตอร์

อีแวปเพอเรเตอร์ประกอบด้วยแผงอะลูมิเนียม 27 แผ่น และมีพื้นที่ประมาณ 5 ตารางเมตร และมีชุดควบคุมทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิในอีแวปเพอเรเตอร์ ตัวควบคุมอุณหภูมิอีแวปเพอเรเตอร์ทำงานอย่างอิสระจากวงจรควบคุมอื่นๆ ที่มีตัวแปรควบคุมที่กำหนดไว้แล้ว อากาศเย็นที่ไหลมาจากอีแวปเพอเรเตอร์จะมีปริมาณเพิ่มขึ้นจนถึงอุณหภูมิที่ต้องการ โดยอาศัยระบบแลกเปลี่ยนความร้อน

ไมโครฟิลเตอร์/ช่องทางอากาศเข้า

ไมโครฟิลเตอร์อยู่ในหม้อกรองทั้งสองของช่องทางเข้าของอากาศ ในรุ่นธรรมดา จะมี ไส้กรองฝุ่น ในขณะที่ ในรุ่นพิเศษ จะมี ไส้กรองฝุ่นกับห้องดักไอน้ำมันอยู่รวมกัน โดยห้องดักไอน้ำมันจะกักเก็บแก๊สพิษและแก๊สไอเสียไว้

ฟังก์ชั่นหลัก

การควบคุมอุณหภูมิ

ตัวควบคุมหลักด้านซ้ายและด้านขวาจะเปรียบเทียบค่าอุณหภูมิภายในจริงกับค่าอุณหภูมิภายในที่กำหนดไว้ สัญญาณความแตกต่างที่มาจากการเปรียบเทียบมีผลต่อตัวแปรควบคุม (ค่า Y) สำหรับการควบคุม

ช่วงการทำงานของตัวควบคุมหลักถูกกำหนดให้มีระยะกว้างกว่าช่วงการทำงานของตัวควบคุมด้านหลัง ฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆ ของ IHKA (เช่น ลิ้นอากาศอัตโนมัติและชุดโบลเวอร์) จะขึ้นอยู่กับช่วงควบคุมนี้

วงจรควบคุมเสริมสำหรับระบบแลกเปลี่ยนความร้อนด้านซ้ายและด้านขวา จะช่วยแก้ไขตัวแปรรบกวนให้ถูกต้อง ตัวแปรรบกวนอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ เป็นผลเนื่องมาจากความไม่สม่ำเสมอในการไหลของอากาศและน้ำ

อุณหภูมิของอีแวปเพอเรเตอร์จะถูกตั้งค่าตามวงจรควบคุมอีกวงจรหนึ่ง และไม่ใช่ตัวแปรรบกวนของระบบ

วงจรควบคุมอิสระที่คล้ายกันสองวงจรทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิการระบายอากาศด้านซ้ายและด้านขวา ช่วยให้สามารถทำการปรับอุณหภูมิอากาศระหว่างช่องลมแอร์ของช่องวางเท้ากับช่องลมแยกกันได้

การควบคุมภายใน

ช่วงอุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ในช่วงตั้งแต่ 16°C ถึง 32°C (ประมาณ 60°F ถึง 90°F) ในช่วงอุณหภูมินี้ สามารถตั้งอุณหภูมิเพิ่มหรือลดได้ขั้นละ 0.5°C (1.0°F)

การทำความร้อนสูงสุด : เมื่อค่าที่กำหนดเท่ากับ 32°C การทำความร้อนสูงสุดจะทำงานอย่างอิสระสำหรับด้านซ้าย และ/หรือ ด้านขวา ดังนั้นการควบคุมภายในจะถูกยกเลิกไป อุณหภูมิระบบแลกเปลี่ยนความร้อนจะถูกปรับขึ้นจนถึงค่าอุณหภูมิสูงสุดเท่ากับ 90°C ตัวแปรควบคุม Y ได้รับการปรับตั้งไว้ที่ ”การทำความร้อนสูงสุด”

ข้อยกเว้น : ต้องยกเลิกฟังก์ชั่น 'การทำความร้อนสูงสุด' เพื่อให้วาล์วน้ำยังคงปิดอยู่ ในระหว่าง การระบายอากาศอิสระ

การทำความเย็นสูงสุด : เมื่อค่าที่กำหนดเท่ากับ 16°C การทำความเย็นสูงสุดจะทำงานอย่างอิสระสำหรับด้านซ้าย และ/หรือ ด้านขวา ดังนั้นการควบคุมภายในจะถูกยกเลิกไป อุณหภูมิระบบแลกเปลี่ยนความร้อนจะถูกปรับลงจนถึงค่าอุณหภูมิต่ำสุดเท่ากับ 5°C ตัวแปรควบคุม Y จะถูกปรับตั้งไว้ที่ ”การทำความเย็นสูงสุด”

การไล่ฝ้า : ในระหว่างการทำงานของฟังก์ชั่นนี้ จะไม่สามารถใช้งานระบบการปรับภายในได้ เมื่อสิ้นสุดฟังก์ชั่นการไล่ฝ้า อุณหภูมิจะถูกปรับให้เท่ากับการทำงานปกติเช่นเดียวกับฟังก์ชั่น MAX AC การปรับดังกล่าวนี้จะช่วยป้องกันการทำความเย็นมากเกินไปหลังการใช้ฟังก์ชั่นการไล่ฝ้า

การแก้ไขค่าที่กำหนดไว้

อุณหภูมิภายนอกที่ส่งเข้า : ค่าที่กำหนดจะถูกแก้ไขโดยสัมพันธ์กับอุณหภูมิภายนอก ดังนั้นจึงสามารถชดเชยผลกระทบจากอุณหภูมิภายนอกและบริเวณโดยรอบผู้โดยสารได้ เซ็นเซอร์อุณหภูมิภายนอกจะตรวจวัดอุณหภูมิภายนอกในบริเวณกันชน และส่งผ่านทาง K-CAN บัส ไปที่ IHKA อุณหภูมิภายนอกที่ส่งเข้าและค่าที่กำหนดที่เพิ่มขึ้นอาจอยู่ระหว่าง +12°C ถึง -2°C อุณหภูมิภายนอกที่ส่งเข้ายังทำหน้าที่ที่เรียกว่า 'การกระตุ้นล่วงหน้า' สำหรับตัวแปรรบกวนที่อาจเกิดขึ้น

เซ็นเซอร์อุณหภูมิภายใน : แผงควบคุมจะมีเซ็นเซอร์อุณหภูมิซึ่งมีพัดลมของเซ็นเซอร์อยู่ภายใน สำหรับการตรวจจับอุณหภูมิภายใน

การควบคุมระบบแลกเปลี่ยนความร้อน

เซ็นเซอร์ระบบแลกเปลี่ยนความร้อน : เซ็นเซอร์ระบบแลกเปลี่ยนความร้อนติดตั้งอยู่ทางด้านซ้ายและด้านขวา ในท่อทางเดินอากาศของฮีทเตอร์ เพื่อทำหน้าที่ตรวจจับอุณหภูมิการจ่ายที่ระบบแลกเปลี่ยนความร้อน ค่าที่ตรวจวัดได้นี้จะใช้ในการกำหนดระยะเวลาการเปิดวาล์วน้ำ วาล์วน้ำจะทำงานตามสัญญาณแบบโมดูเลตตามความกว้างพัลส์

ปรากฏการณ์ฟิลลิ่งสเตชั่น (Filling station) : เมื่อวาล์วมีกระแสไฟฟ้าเป็นศูนย์ ระบบแลกเปลี่ยนความร้อนมีน้ำเติมอยู่เต็ม (ปรากฏการณ์ฟิลลิ่งสเตชั่น) เพื่อหลีกเลี่ยงอาการดังกล่าวนี้ จะมีการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้วาล์วน้ำเป็นเวลาสามนาที หลังจากสวิตช์กุญแจอยู่ที่เทอร์มินอล 15

การหล่อเย็นแบบควบคุมด้วยแผนผังการทำงานของเครื่องยนต์ : อุณหภูมิน้ำหล่อเย็นอาจสูงถึง 120°C เนื่องจากการใช้ระบบการหล่อเย็นแบบควบคุมด้วยแผนผังการทำงานในเครื่องยนต์เบนซิน เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับเครื่องปรับอากาศ อุณหภูมิของระบบแลกเปลี่ยนความร้อนจะถูกจำกัดไว้ที่ 90°C ถ้าวาล์วน้ำที่ผิดปกติเป็นสาเหตุให้อุณหภูมิระบบแลกเปลี่ยนความร้อนสูงเกิน 98°C การหล่อเย็นตามแผนผังควบคุมการทำงานใน DME จะถูกยกเลิกการทำงานผ่านทาง K-CAN บัส

ปั๊มน้ำเสริม : ปั๊มน้ำเสริมไฟฟ้าถูกติดตั้งไว้เพื่อให้มีน้ำไหลผ่านระบบแลกเปลี่ยนความร้อนอย่างเพียงพอ เมื่อเครื่องยนต์มีความเร็วรอบต่ำ การทำงานจะเกิดขึ้น

ลิ้นปรับช่องลมแอร์เสมือนจริง

การคำนวณหาตำแหน่งของลิ้นอากาศเสมือนจริง (ไม่มีอยู่จริง) จะทำให้ได้ค่าอุณหภูมิและระดับแรงลมสำหรับการจ่ายอากาศโดยรวม ตัวแปรที่มีผลต่อการคำนวณมีดังต่อไปนี้ :

ตำแหน่งของลิ้นอากาศเย็นและลิ้นอากาศร้อนจะถูกปรับแก้ไข ตามการปรับตั้งลิ้นอากาศเสมือนจริงที่คำนวณจากรายการต่างๆ ที่แสดงไว้ โดยจะทำการแก้ไขเพื่อให้ได้ระดับแรงลมและอุณหภูมิอากาศที่ต้องการเมื่อถึงช่องลม โดยใช้ส่วนผสมของอากาศร้อนและอากาศเย็น

การปรับตั้งลิ้นอากาศร้อนและลิ้นอากาศเย็นจะช่วยตรวจวัดการไหลของมวลอากาศร้อนและมวลอากาศเย็นแยกกันได้ ดังนั้นจึงสามารถตรวจวัดการไหลของมวลอากาศโดยรวมได้ นอกเหนือจากอุณหภูมิการระบายอากาศ

ในระบบนี้ การเปลี่ยนแปลงการเปิดลิ้นอากาศแต่ละครั้งมีผลต่ออุณหภูมิและการไหลของอากาศในระบบโดยรวม ในการแก้ไขตัวแปรรบกวนให้ถูกต้อง ต้องแยกให้ชัดเจน ระหว่างรุ่นพิเศษ กับรุ่นธรรมดา ในรุ่นธรรมดาจะมีเซ็นเซอร์อุณหภูมิระบายอากาศเพียงตัวเดียวเท่านั้น การตั้งอุณหภูมิอากาศสามารถทำได้จากด้านคนขับเท่านั้น สเต็ปมอเตอร์ที่ควบคุมด้วยบัสทำหน้าที่ปรับลิ้นอากาศร้อนและลิ้นอากาศเย็น

ในโปรแกรมอัตโนมัติ ตำแหน่งของลิ้นอากาศเสมือนจริง จะขึ้นอยู่กับตัวแปรที่มีผลกระทบดังต่อไปนี้เท่านั้น :

มุมลิ้นอากาศจริงจะคำนวณจาก :

การควบคุมการระบายอากาศ (การปรับอุณหภูมิอากาศ), ห้องโดยสารด้านหลัง

ฟังก์ชั่นนี้จะมีเฉพาะ ในรุ่นพิเศษเท่านั้น ลิ้นปรับอุณหภูมิอากาศสำหรับห้องโดยสารด้านหลังจะแยกกัน ลิ้นปรับอุณหภูมิอากาศด้านซ้ายและด้านขวาทำหน้าที่ต่อไปนี้ :

มุมการหมุนของลิ้นปรับอุณหภูมิอากาศมีผลต่อทิศทางของลมแอร์ดังนี้ :

มุมการหมุน

ผลต่อทิศทางของลมแอร์

0%

ปิด

56%

อุ่น

100%

เย็น

 

การควบคุมระดับแรงลม

การตั้งโบลเวอร์และลิ้นอากาศแบบอัตโนมัติ : ชุดโบลเวอร์และลิ้นอากาศอัตโนมัติในด้านนั้นจะทำงาน เมื่อกดปุ่ม 'AUTO' ด้านซ้ายหรือด้านขวา หรือหลังจากจอแสดงการควบคุมแสดงข้อความแจ้งผู้ใช้ ไฟ LED แสดงการทำงาน AUTO ในด้านนั้นจะติดสว่างขึ้น ชุดโบลเวอร์อัตโนมัติที่ขึ้นอยู่กับระบบควบคุมโบลเวอร์ (ค่า Y) ดังกล่าวจะทำงานด้วยในเวลาเดียวกัน

ชุดโบลเวอร์อัตโนมัติในด้านนั้นๆ จะหยุดทำงาน เมื่อหมุนปุ่มควบคุมโบลเวอร์ โดยลิ้นอากาศอัตโนมัติยังคงทำงาน

เมื่อกดปุ่ม 'AUTO' ระบบจะย้อนกลับไปทำงานโดยใช้ชุดโบลเวอร์อัตโนมัติในด้านดังกล่าว

ระดับแรงลมในขณะนี้ ในจอแสดงการควบคุมจะแสดงผลในโหมดแมนนวลเท่านั้น

การควบคุมพัดลมแบบอัตโนมัติขึ้นอยู่กับตัวแปร (Y) และสัญญาณของโซลาร์เซ็นเซอร์

การเพิ่มระดับโบลเวอร์อัตโนมัติ : การเพิ่มระดับโบลเวอร์อัตโนมัติสามารถใช้งานได้ พร้อมกับการปรับตั้งลิ้นอากาศแบบแมนนวลและลิ้นอากาศอัตโนมัติ

ช่วงการปรับตั้งแบบธรรมดาจะขยายเพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถปรับอุณหภูมิภายในรถให้เย็นลงหรืออุ่นขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เมื่ออุณหภูมิภายในรถร้อนจัดหรือเย็นจัด

ชุดโบลเวอร์อัตโนมัติจะขึ้นอยู่กับระบบควบคุมโบลเวอร์ (ค่า Y) ด้านคนขับเท่านั้น

การปรับตั้งโบลเวอร์แบบแมนนวล : ระดับแรงลมจะเพิ่มขึ้น เมื่อหมุนปุ่มควบคุมโบลเวอร์ตามเข็มนาฬิกา ระดับแรงลมจะลดลง เมื่อหมุนปุ่มควบคุมโบลเวอร์ทวนเข็มนาฬิกา ระดับแรงลมที่ตั้งไว้จะปรากฏบนจอแสดงการควบคุมเป็นรูปแถบ

ในรุ่นพิเศษ สามารถปรับโบลเวอร์ด้วยโพเทนชิออมิเตอร์สองตัวแยกกันได้ สำหรับด้านซ้ายและด้านขวา ในรุ่นธรรมดา สามารถปรับโบลเวอร์ได้โดยใช้โพเทนชิออมิเตอร์ด้านซ้าย

โพเทนชิออมิเตอร์ไม่มีตำแหน่งหยุด การปรับจะเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับต่อหนึ่งขั้น ค่าโบลเวอร์ที่ตั้งใหม่จะปรากฏบนจอแสดงการควบคุมทันที การหมุนโพเทนชิออมิเตอร์ต่อไปไม่ส่งผลใดๆ เมื่อปรับถึงค่าสูงสุดหรือค่าต่ำสุดแล้ว

การชดเชยแรงดันอัดของอากาศ : เมื่อความเร็วในการขับขี่เพิ่มขึ้น การไหลของอากาศที่ท่อทางเข้าอากาศจะเพิ่มขึ้นเกินสัดส่วนที่เหมาะสม โดยไม่มีการชดเชยแรงดันอัดของอากาศ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้สามารถชดเชยได้ โดยการลดการเปิดท่อทางเข้าอากาศโดยใช้ลิ้นอากาศบริสุทธิ์ โดยการปรับมุมเปิดของลิ้นอากาศบริสุทธิ์ให้สัมพันธ์กับความเร็วในการขับขี่ และปรับตั้งโบลเวอร์อยู่ระหว่าง 100 % ถึง 30 %

ระบบควบคุมโบลเวอร์ที่ขึ้นอยู่กับระบบไฟฟ้า : ถ้าจำเป็น โมดูลจ่ายกำลังไฟจะยกเลิกการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้า เป็นการส่งสัญญาณเตือนขั้นแรกผ่านทาง K-CAN บัส เพื่อให้ทำการลดระดับแรงลม

ผลกระทบจากเทอร์มินอล 50 : เพื่อเป็นการลดภาระของแบตเตอรี่รถยนต์ในระหว่างขั้นตอนการสตาร์ท โบลเวอร์จะปิดการทำงาน ตลอดช่วงที่เทอร์มินอล 50 ON

การควบคุมทิศทางลม

ออปชั่นสำหรับการเลือกควบคุมทิศทางลมมีดังนี้ :

โปรแกรมอัตโนมัติ : สามารถเลือกโปรแกรมอัตโนมัติได้ โดยใชปุ่มในแผงควบคุม และผ่านทางเมนู A/C ในจอแสดงการควบคุม

โปรแกรมลำดับความสำคัญ : สามารถเลือกโปรแกรมลำดับความสำคัญได้ โดยใช้ปุ่มต่างๆ ในแผงควบคุม

โปรแกรมการควบคุมทิศทางลมแบบแมนนวล : สามารถเลือกโปรแกรมการควบคุมทิศทางลมแบบแมนนวลได้ ผ่านทางเมนู A/C ในจอแสดงการควบคุม (จอออนบอร์ด)

การปรับตั้งลิ้นอากาศ/ตำแหน่งลิ้นอากาศ

การปรับตั้งลิ้นอากาศแบบไม่แยกด้าน : สำหรับลิ้นอากาศที่ไม่แยกด้าน

ค่าที่ตั้งของตัวควบคุมหลัก (ค่า Y) ที่ด้านคนขับ สามารถนำมาใช้ได้ การจดจำ LHD/RHD (การให้รหัส) เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการปรับฟังก์ชั่นต่างๆ

ลำดับก่อนหลัง : การตั้งค่าเริ่มต้นของลิ้นอากาศแต่ละตัว ในขั้นแรกจะกำหนดตามลำดับก่อนหลังต่อไปนี้ :

เมื่อมีฟังก์ชั่นหนึ่งพร้อมทำงาน ตำแหน่งมอเตอร์ที่กำหนดไว้โดยเฉพาะสำหรับฟังก์ชั่นเหล่านี้จะเริ่มทำงาน

การทำงานตามตำแหน่งอ้างอิง : เนื่องจากไม่มีสเต็ปปิงมอเตอร์ตัวใดที่มีการตรวจจับตำแหน่งจริง ดังนั้นสเต็ปปิงมอเตอร์จะเคลื่อนที่สัมพันธ์กับตำแหน่งสุดของลิ้นอากาศตัวใดตัวหนึ่ง (ตำแหน่งอ้างอิง) เสมอ

เมื่อมีการ ”รีเซ็ตเพื่อเปิดการทำงาน” (การต่อแบตเตอรี่) ในแต่ละครั้ง ลิ้นอากาศจะถูกควบคุมให้เลื่อนไปที่ตำแหน่งสุด ซึ่งจะเกิดขึ้น (เช่น) เมื่อมีการเปลี่ยนชุดควบคุม หรือมีการตัดระบบจ่ายไฟในระหว่างการทำงานปกติ โดยจะเลือกตำแหน่งสุดที่ทำให้สามารถเข้าถึงตำแหน่งที่กำหนดในภายหลัง โดยมีระยะห่างที่สั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

นอกจากนี้ สามารถเริ่มต้นการทำงานตามตำแหน่งอ้างอิงได้โดยใช้ค่าที่ตั้งไว้ของเครื่องเทสเตอร์การวิเคราะห์

การทำงานตามตำแหน่ง : เมื่อหยุดรถ (เทอร์มินอล 15 OFF) ลิ้นอากาศบริสุทธิ์/ลิ้นอากาศหมุนเวียนต้องเลื่อนไปที่ ”ตำแหน่งอากาศบริสุทธิ์” ซึ่งจะทำให้มีการจ่ายอากาศภายนอกเข้าสู่ภายในรถเสมอ ในกรณีที่ IHKA ทำงานผิดพลาด

การควบคุมทิศทางลมแบบแมนนวล (เฉพาะส่วน)

การควบคุมทิศทางลมแบบแมนนวล (เฉพาะส่วน) สามารถทำได้จากจอแสดงการควบคุม (จอออนบอร์ด)

โปรแกรม

การควบคุมทิศทางลม, กระจกหน้า

การควบคุมทิศทางลม, ตรงกลาง

การควบคุมทิศทางลม, ด้านล่าง

ด้านบน

เปิด

ปิด

ปิด

ตรงกลาง

ปิด

เปิด

ปิด

ด้านล่าง

ปิด

ปิด

เปิด

OBEN_MITTE

เปิด

เปิด

ปิด

OBEN_MITTE_UNTEN

เปิด

เปิด

เปิด

OBEN_UNTEN

เปิด

ปิด

เปิด

MITTE_UNTEN

ปิด

เปิด

เปิด

ในรุ่นพิเศษ การควบคุมทิศทางลมด้านคนขับและด้านผู้โดยสารแต่ละด้าน สามารถปรับแยกกันได้ ยกเว้นด้านบน

โปรแกรม

การควบคุมทิศทางลม, กระจกหน้า

การควบคุมทิศทางลม, ตรงกลาง

การควบคุมทิศทางลม, ด้านล่าง

ร้อน (ด้านบน, ด้านล่าง)

เปิด

ปิด

เปิด

ระบาย (การระบายอากาศ)

ปิด

เปิด

ปิด

พื้น (ด้านล่าง)

ปิด

ปิด

เปิด

BI_LEVEL (ตรงกลาง, ด้านล่าง)

ปิด

เปิด

เปิด

ในรุ่นพิเศษ การควบคุมทิศทางลมด้านคนขับและด้านผู้โดยสารแต่ละด้าน สามารถปรับแยกกันได้

โปรแกรมอัตโนมัติ

ลิ้นไล่ฝ้า : เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีไอน้ำจับ ลิ้นไล่ฝ้าจะยังคงปิดการทำงานเป็นเวลา 12 วินาที หลังจากสตาร์ทเครื่องยนต์ หลังจากนั้นจะทำงานตามปกติ

หลังจากฟังก์ชั่นไล่ฝ้าทำงาน ลิ้นไล่ฝ้าจะค่อยๆ เลื่อนไปยังตำแหน่งลิ้นอากาศใหม่

เมื่อกดปุ่ม 'AUTO' ด้านคนขับ ลิ้นไล่ฝ้าจะเปิดหรือปิดตามโปรแกรมเส้นกราฟลักษณะการทำงาน ปุ่ม 'AUTO' ด้านผู้โดยสารไม่มีผลต่อตำแหน่งของโปรแกรมลิ้นไล่ฝ้า

ลิ้นอากาศเสมือนจริง : เมื่อกดปุ่ม 'AUTO' ด้านคนขับ/ผู้โดยสาร ลิ้นอากาศเสมือนจริงที่ด้านซ้าย/ด้านขวา จะเปิดหรือปิดแยกกัน ตามโปรแกรมเส้นกราฟลักษณะการทำงาน

ลิ้นอากาศจะปิดเสมอเมื่อมีเงื่อนไขการทำงานต่อไปนี้ :

มุมเปิดของลิ้นอากาศเสมือนจริง สามารถปรับลดได้อีกโดยใช้การปรับตั้งโบลเวอร์ที่แตกต่างกัน สำหรับด้านคนขับและด้านผู้โดยสาร

ลิ้นอากาศที่ใช้งานโบลเวอร์น้อยกว่าจะถูกปรับค่า ส่วนลิ้นอากาศที่ใช้งานโบลเวอร์มากกว่าจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

ลิ้นอากาศช่องวางเท้า : เมื่อกดปุ่ม 'AUTO' ด้านคนขับ/ผู้โดยสาร ลิ้นอากาศช่องวางเท้าที่ด้านซ้าย/ด้านขวา จะเปิดหรือปิดแยกกัน ตามโปรแกรมเส้นกราฟลักษณะการทำงาน

โปรแกรมลำดับความสำคัญ

สำหรับฟังก์ชั่นลำดับความสำคัญ จะมีการกำหนดตำแหน่งลิ้นอากาศ โดยจะทำการตั้งค่าให้โดยอัตโนมัติ ในโปรแกรม

เมื่อเทอร์มินอล R ทำงาน จะมีการทำงานในตำแหน่งลิ้นอากาศ ”ปกติ” ซึ่งสามารถใช้ได้ในระหว่างการทำงานที่ไม่ได้ใช้โปรแกรมเหล่านี้

อินเตอร์ล็อคการสตาร์ทขณะเครื่องเย็น

อินเตอร์ล็อคการสตาร์ทขณะเครื่องเย็นจะทำงาน เมื่อมีเงื่อนไขการทำงานต่อไปนี้ :

อินเตอร์ล็อคการสตาร์ทขณะเครื่องเย็นจะหยุดทำงาน ถ้าไม่เป็นไปตามเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้

ตำแหน่งลิ้นอากาศสำหรับอินเตอร์ล็อคการสตาร์ทขณะเครื่องเย็นขึ้นอยู่กับอุณหภูมิภายนอก โดยมีการใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ แยกเฉพาะส่วน

เมื่ออุณหภูมิภายนอก < 10°C ลิ้นไล่ฝ้าอยู่ในตำแหน่ง 'เปิด' และลิ้นอากาศช่องวางเท้าอยู่ในตำแหน่ง 'ปิด' เมื่ออุณหภูมิภายนอกสูงกว่า 10°C ลิ้นไล่ฝ้าอยู่ในตำแหน่ง 'ปิด' และลิ้นอากาศช่องวางเท้าอยู่ในตำแหน่ง 'เปิด'

ฟังก์ชั่น MAX A/C

ฟังก์ชั่น MAX-AC ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับระดับความเย็นสูงสุดที่แผงควบคุมได้ด้วยการกดปุ่มเพียงครั้งเดียว

ฟังก์ชั่น MAX A/C มีลำดับการทำงานสูงสุดถัดจากฟังก์ชั่น 'ไล่ฝ้า' (DEFROST)

ฟังก์ชั่นทั้งหมดรวมทั้ง 'ไล่ฝ้า' จะหยุดทำงาน เมื่อมีการกดปุ่ม 'MAX A/C' ฟังก์ชั่น 'สภาพอากาศ' (CLIMATE) จะทำงาน ถ้ายังไม่พร้อมทำงาน ฟังก์ชั่น 'สภาพอากาศ' จะยังคงทำงาน ถึงแม้ว่าจะออกจากฟังก์ชั่น 'MAX A/C' แล้ว

ฟังก์ชั่น 'MAX A/C' หยุดทำงาน

ฟังก์ชั่นที่เลือกไว้จะพร้อมทำงานในตอนนี้ และจะทำงานต่อไปตามค่าที่เลือกไว้ก่อนฟังก์ชั่น MAX A/C (ยกเว้น 'ไล่ฝ้า')

ฟังก์ชั่น MAX A/C ที่ทำงานอยู่จะหยุดการทำงานด้วย เมื่อมีการกดปุ่ม MAX A/C

สรุปเงื่อนไขการทำงาน : ฟังก์ชั่น MAX A/C จะมีสถานะ 'ทำงาน' (ON) เมื่อ

ตำแหน่งทำงาน : เมื่อกดปุ่ม MAX A/C ค่าที่กำหนดไว้จะถูกเรียกใช้งาน พร้อมกับที่ฟังก์ชั่น MAX A/C เริ่มทำงาน

ฟังก์ชั่น 'ไล่ฝ้า' (DEFROST)

ฟังก์ชั่น 'ไล่ฝ้า' มีลำดับความสำคัญในการทำงานสูงสุดในการควบคุมทิศทางลม และในการคำนวณค่าการปรับสำหรับการทำความร้อน ฟังก์ชั่น 'ไล่ฝ้า' (DEFROST) จะทำงาน เมื่อกดปุ่ม 'DEF'

ฟังก์ชั่น 'ไล่ฝ้า' มีที่มีลำดับการทำงานสูงสุดถัดจากฟังก์ชั่น 'ปิดการทำงาน' เมื่อฟังก์ชั่นนี้ทำงาน ไฟ LED แสดงการทำงานทั้งหมดจะดับไป ยกเว้นไฟ LED ของ HRW ถ้า HRW ทำงาน ลิ้นไล่ฝ้าจะเปิดโดยสัมพันธ์กับตัวแปรควบคุม

การปรับโบลเวอร์สามารถทำได้เมื่อเลือกฟังก์ชั่น 'ไล่ฝ้า'

ผลของโซลาร์เซ็นเซอร์

ในรุ่นพิเศษ จะติดตั้งโซลาร์เซ็นเซอร์ไว้ที่แผงคอนโซลหน้าในหน้ากากของของลำโพงตัวกลาง

โซลาร์เซ็นเซอร์ทำหน้าที่ตรวจจับแหล่งความร้อนจากภายนอก (เช่น แสงอาทิตย์) ซึ่งมีผลต่ออุณหภูมิภายในรถ และส่งผลกระทบต่อความสบายของผู้โดยสารในรถ

การควบคุมสภาพอากาศโดยไม่ใช้โซลาร์เซ็นเซอร์นั้น ทำให้ระดับแสงอาทิตย์ที่ตรวจวัดได้ไม่น่าเชื่อถือ ผลจากโซลาร์เซ็นเซอร์ทำให้มีการปรับระบบควบคุมให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้อย่างเหมาะสมที่สุด

โซลาร์เซ็นเซอร์จะตรวจจับความเข้มของแสงอาทิตย์ที่เปลี่ยนแปลงไปทางด้านซ้ายและด้านขวา

ในกรณีที่ระดับแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้น ฟังก์ชั่นซึ่งมีผลต่อสภาพอากาศภายในรถจะเปลี่ยนไปด้วยตามทิศทางของการควบคุม การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นเมื่อป้อนค่าแก้ไขของโซลาร์เซ็นเซอร์ในระบบควบคุม การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นย้อนกลับ เมื่อขับขี่ในตอนกลางคืนหรือขับผ่านอุโมงค์

ผลของโซลาร์เซ็นเซอร์ต่อระบบควบคุมทางด้านคนขับและด้านผู้โดยสารจะถูกกำหนดไว้แยกจากกัน โดยมีการเปลี่ยนแปลงฟังก์ชั่นต่างๆ ดังต่อไปนี้ :

ที่ทำความร้อนกระจกหลัง (ตัวไล่ฝ้า)

ที่ทำความร้อนกระจกหลังจะทำงานเมื่อกดปุ่ม HRW ไฟแสดงการทำงานในปุ่มจะส่งสัญญาณตอบกลับ ฟังก์ชั่น HRW จะหยุดทำงาน เมื่อมีการกดปุ่ม HRW อีกครั้ง หรือหลังจากผ่านระยะการทำความร้อนไปแล้ว 10 ถึง 17 นาที การทำความร้อนหลังดับเครื่องเป็นระยะเวลา 5 นาที จะเริ่มทำงาน ถ้ามีการกดปุ่ม HRW ในระหว่างการทำงานที่ตั้งเวลาไว้

การทำงานของฟังก์ชั่น HRW จะไม่ขึ้นอยู่กับฟังก์ชั่นอื่นๆ ของปุ่ม IHKA ยกเว้นฟังก์ชั่นปิดการทำงาน

ระยะไล่ฝ้า : เพื่อให้ประสิทธิภาพในการไล่ฝ้าได้ผลดีที่สุด จึงมีการปรับตั้งระยะเวลาสำหรับที่ทำความร้อนกระจกหลังดังนี้ หลังจากเทอร์มินอล 15 ON (เริ่มการทำงานใหม่หลังจากโหมดสแตนด์บาย) ในระหว่างขั้นตอนการเปิดทำงานครั้งแรก :

ไฟ LED แสดงการทำงานติดสว่างในระหว่างระยะเวลาการทำความร้อน

การจับเวลา : หลังจากระยะไล่ฝ้า การทำความร้อนจะทำงานเป็นเวลา 30 นาที เมื่อมีการจ่ายความร้อนออกเท่ากับ 1/4 ตามวงจรต่อไปนี้ :

ทำงานเป็นเวลา 3 วินาที

หยุดทำงานเป็นเวลา 9 วินาที

ไฟ LED แสดงการทำงานจะดับในระหว่างการจับเวลา

การทำความร้อนที่ปัดน้ำฝนที่ตำแหน่งพัก

เพื่อป้องกันใบปัดน้ำฝนมีน้ำแข็งจับ จะมีการทำความร้อนที่ปัดน้ำฝนที่ตำแหน่งพักโดยสัมพันธ์กับอุณหภูมิภายนอก :

ฟังก์ชั่นปิดการทำงาน

ใน IHKA รุ่นพิเศษ ฟังก์ชั่นปิดการทำงานจะทำงาน เมื่อกดปุ่มควบคุมระดับแรงลมด้านซ้าย ซึ่งจะกระตุ้นให้ฟังก์ชั่นต่อไปนี้ทำงาน :

เมื่อมีการกดปุ่มใดๆ ฟังก์ชั่น ”IHKA OFF” จะถูกยกเลิกการทำงาน และฟังก์ชั่นที่เลือกไว้จะทำงานหรือหยุดทำงาน (ในกรณีของปุ่ม 'OFF')

อากาศหมุนเวียนภายใน / AUC / อากาศหมุนเวียนภายในอัตโนมัติ

เมื่อใช้ปุ่ม 'อากาศหมุนเวียนภายใน' / 'AUC' สามารถเลือกสถานะต่อไปนี้ได้ :

ปุ่ม 'อากาศหมุนเวียนภายใน' / 'AUC'

การทำงาน

กด 1 ครั้ง

ฟังก์ชั่น AUC ทำงาน (ไฟ LED ของ AUC ติดสว่าง และไฟ LED ของอากาศหมุนเวียนภายในดับ)

กด 2 ครั้ง

ฟังก์ชั่นอากาศหมุนเวียนภายในทำงาน (ไฟ LED ของ AUC ดับ และไฟ LED ของอากาศหมุนเวียนภายในติดสว่าง)

กด 3 ครั้ง

ย้อนกลับไปที่โหมดอากาศบริสุทธิ์ (ไฟ LED ของ AUC และไฟ LED ของอากาศหมุนเวียนภายในดับ)

โหมดอากาศหมุนเวียนภายใน : สามารถใช้ฟังก์ชั่นอากาศหมุนเวียนภายในเพื่อป้องกันอากาศเสียที่มาจากภายนอก (เช่น ขณะรอสัญญาณไฟ, เมื่อขับขี่ผ่านอุโมงค์ เป็นต้น) ขณะที่เปิดกระจกและซันรูฟ

ฟังก์ชั่นอากาศหมุนเวียนภายในทำงานเมื่อ

ลิ้นอากาศบริสุทธิ์จะปิดมากที่สุดหนึ่งวินาที ลิ้นอากาศหมุนเวียนจะเปิดประมาณสี่วินาที

ระบบทำความเย็นจะไม่ถูกควบคุมให้ทำงาน

ฟังก์ชั่นอากาศหมุนเวียนภายในจะไม่ถูกบันทึกไว้ ก่อนโหมดสแตนด์บายของชุดควบคุม นั่นคือ ฟังก์ชั่นนี้จะถูกยกเลิกการทำงานหลังจากการรีเซ็ต

ระบบควบคุมการหมุนเวียนอากาศอัตโนมัติ (AUC) : ในการวัดคุณภาพอากาศ IHKA จะประมวลผลระบบเซ็นเซอร์ที่แตกต่างกันสองระบบ :

ในกรณี AUC I และ AUC II ทำงาน จะไม่มีการยกเลิกฟังก์ชั่น AUC มาใช้โหมดสแตนด์บาย

ในสถานะอากาศหมุนเวียนภายใน ความชื้นสัมพัทธ์ภายในรถอาจเพิ่มขึ้น เนื่องจากไม่ได้รับอากาศบริสุทธิ์ ซึ่งจะทำให้กระจกเป็นฝ้า เพื่อเป็นการป้องกันฝ้า จะมีการจำกัดสถานะของอากาศหมุนเวียนภายในในฟังก์ชั่น AUC ตามการทำความร้อนหรือการทำงานของ A/C (คอมเพรสเซอร์ทำงาน)

อากาศหมุนเวียนภายในอัตโนมัติ : ฟังก์ชั่นพิเศษนี้จะช่วยในการทำความเย็นภายในรถได้อย่างรวดเร็ว เมื่อต้องการทำความเย็นสูงสุด เพื่อทำความเย็นภายในรถได้เร็วยิ่งขึ้น อากาศภายในที่เย็นอยู่แล้วจะถูกดูดเข้าผ่านอีแวปเพอเรเตอร์อีกครั้ง ซึ่งจะทำให้ระดับอุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าการทำงานตามปกติ

ฟังก์ชั่นนี้จะทำงานในขั้นแรกเป็นเวลา 12 นาที ในโหมดอากาศหมุนเวียนภายในแบบเต็มประสิทธิภาพ จากนั้นจะทำงานในโหมดอากาศหมุนเวียนภายในบางส่วน (อากาศบริสุทธิ์ 30 % / อากาศหมุนเวียนภายใน 100 %) ถ้ายกเลิกฟังก์ชั่นนี้ภายใน 12 นาที ระบบจะสลับไปทำงานในโหมดอากาศหมุนเวียนภายในบางส่วน เมื่อทำงานในครั้งต่อไป

อากาศหมุนเวียนภายในอัตโนมัติจะเริ่มการทำงานตามเงื่อนไขการทำงานดังต่อไปนี้ :

การให้รหัส

ในการบันทึกข้อมูลเฉพาะสำหรับรถยนต์แต่ละคัน ต้องพิจรณารายละเอียดดังต่อไปนี้ด้วย :

ข้อมูลรหัสจะถูกส่งไปยังหน่วยความจำของชุดควบคุม แต่จะมีผลหลังจากได้รีเซ็ตชุดควบคุมแล้วเท่านั้น

หน่วยความจำกุญแจ

สามารถบันทึกตำแหน่งการทำงานของคนขับได้สี่คน (กุญแจรีโมทสี่ชุด) ไว้ในหน่วยความจำ หลังจากยกเลิกเทอร์มินอล 15 ตำแหน่งที่ตั้งไว้เหล่านี้จะกลับมาทำงานอีกครั้ง เมื่อสั่งงานเทอร์มินอล 15 โดยใช้กุญแจที่ตรงกับตำแหน่งที่ตั้งไว้นี้

เมื่อสตาร์ทรถ ตำแหน่งสุดท้ายที่ตั้งไว้จะทำงาน

ข้อมูลของหมายเลขกุญแจดังกล่าวจะถูกส่งผ่านในรูปข้อมูลของ K-CAN เมื่อมีการเปลี่ยนตำแหน่งเทอร์มินอลแต่ละครั้ง และเมื่อมีข้อความแสดงขึ้น

IHKA จะสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลกุญแจปัจจุบันไปยัง CAS หลังจากการรีเซ็ตในระยะกำหนดการทำงาน โดยใช้ข้อความสอบถาม

สามารถใช้กุญแจรีโมทในการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับคนขับลงในบล็อคหน่วยความจำที่เชื่อมต่ออยู่ได้ ข้อมูลนี้จะถูกเรียกใช้งานอีกครั้ง หลังจากมีการตรวจสอบกุญแจรีโมทแล้ว

บล็อคหน่วยความจำห้าเป็นตำแหน่งมาตรฐาน เช่น ในกรณีที่ไม่มีการตรวจสอบกุญแจ

ในบล็อคหน่วยความจำห้าบล็อค แต่ละบล็อคจะมีการบันทึกข้อมูลดังต่อไปนี้ :

หน่วยความจำรถ

หน่วยความจำรถจะมีข้อมูลการทำงานทั้งหมดซึ่งจะถูกบันทึกไว้ใน IHKA ก่อนโหมดสแตนด์บายของชุดควบคุม และจะถูกปรับอีกครั้งหลังจากการรีเซ็ต

การบันทึกสถานะของแผงควบคุม :

ข้อยกเว้น : ในรุ่นที่มีหน่วยความจำอากาศหมุนเวียนภายใน (สามารถให้รหัสได้) ถ้าจำเป็นจะมีการบันทึกฟังก์ชั่น 'อากาศหมุนเวียนภายใน' หรือ 'MAX A/C' ที่ทำงานก่อนหน้านี้ไว้

การให้รหัสตัวเลือกสำหรับฟังก์ชั่นแผงควบคุม : สามารถให้รหัสฟังก์ชั่นแผงควบคุมได้ตามโปรแกรมใช้งาน :

ฟังก์ชั่นความปลอดภัย

การตัดโหลด

ในกรณีที่มีสัญญาณ”ลำดับความสำคัญในการลดการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของระบบควบคุม” มาจากโมดูลจ่ายกำลังไฟ อุปกรณ์ไฟฟ้าจะลดกำลังไฟฟ้าเอาต์พุตที่มีอยู่ลง หรือระบบควบคุม IHKA สั่งปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าลงตามลำดับความสำคัญ :

ในกรณีที่มีสัญญาณ”สถานะอุปกรณ์ไฟฟ้าขณะหยุดทำงาน” (การยกเลิกการทำงานโดยโมดูลจ่ายกำลังไฟ) ระบบควบคุม IHKA จะยกเลิกการทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้าขณะหยุดทำงาน : การทำความร้อนอิสระปิดการทำงาน, การระบายอากาศอิสระปิดการทำงาน, ความร้อนสะสมปิดการทำงาน

ฟังก์ชั่น 'ไล่ฝ้า' มีความสัมพันธ์กับความปลอดภัย และจะทำงานที่ระดับแรงลมสูงสุดเสมอ

โหมดสแตนด์บาย / โหมดรอทำงาน / โหมดปิดการทำงานของระบบ

โหมดสแตนด์บาย : เพื่อให้กระแสไฟฟ้าขณะไม่ใช้งานอุปกรณ์ถึงระดับที่ต้องการ ชุดควบคุมจะถูกควบคุมผ่านทางระบบควบคุมเครือข่าย ให้เข้าสู่สถานะการใช้กระแสไฟฟ้าต่ำสุด (< 100 µA) โดยต้องคำนึงถึงโหมดรอทำงานด้วย

โหมดรอทำงาน : โหมดรอทำงานจะเริ่มหลังจากผ่านระยะเวลาการทำงานเกินขีดจำกัด :

ระยะเวลาการทำงานเกินขีดจำกัดของชุดควบคุม

เทอร์มินอล 15

เงื่อนไขการทำงานสำหรับความร้อนสะสม

3 นาที

ปิด

ไม่ได้ตามที่ต้องการ

15 นาที

ปิด

ได้ตามที่ต้องการ

โหมดปิดการทำงาน : เมื่อใช้คำสั่งปิดการทำงาน ระบบไฟฟ้ารถยนต์จะทำหน้าที่วัดกระแสไฟฟ้าขณะไม่ใช้งานอุปกรณ์อย่างเร็ว ในสถานะที่จะทำการปรับได้โดยอัตโนมัติตามปกติ หลังจากผ่านระยะเวลาการทำงานเกินขีดจำกัดไปแล้ว

เครื่องเทสเตอร์ DIS จะทำหน้าที่ในการออกคำสั่ง ดังนั้นระยะเวลาการทำงานเกินขีดจำกัดจะถูกลดลงเหลือค่าสูงสุด 5 วินาที

รุ่นเฉพาะประเทศ