ระบบปรับอากาศด้านหลัง (FKA) พร้อมตู้แช่แบบรวม เป็นอุปกรณ์เพิ่มพิเศษของรุ่นพิเศษของระบบปรับอากาศ (IHKA)การควบคุมและการต่อระบบ FKA เข้ากับ IHKA ได้รับการออกแบบในลักษณะที่สามารถทำงานแยกกันได้ อากาศที่ใช้ในการควบคุมสภาพอากาศด้านหลังดูดผ่านตัวกรอง (ตัวกรองอากาศหมุนเวียน) จากช่องเก็บสัมภาระเข้ามา ในขณะที่เครื่องยนต์กำลังทำงาน ระบบปรับอากาศด้านหลังจะจ่ายลมเย็นให้กับตู้แช่แบบรวม (ยกเว้นอุปกรณ์พิเศษ 'ตู้แช่แบบทำงานด้วยไฟฟ้า')
ระบบปรับอากาศด้านหลังจะมีฟังก์ชั่นต่อไปนี้ :
ระบบปรับอากาศด้านหลังจะใช้ในการปรับสภาพอากาศในห้องโดยสารด้านหลังตามความต้องการของผู้โดยสารที่นั่งอยู่ด้านหลัง โดยสามารถตั้งแยกกันระหว่างด้านซ้ายและด้านขวา การรับส่งระหว่างอุปกรณ์รถยนต์, IHKA และระบบปรับอากาศด้านหลังจะส่งผ่านทางบัสข้อมูลระบบ K-CAN
ชุดปรับอากาศด้านหลังติดตั้งอยู่ในบริเวณส่วนหน้าของช่องเก็บสัมภาระ
ชุดปรับอากาศด้านหลังประกอบด้วย อุปกรณ์/หน่วยการทำงาน ต่อไปนี้ :
ชุดปรับอากาศด้านหลังได้รับการออกแบบให้มีฟังก์ชั่นการทำงานดังต่อไปนี้ :
ชุดปรับอากาศด้านหลังจะเชื่อมต่อเข้ากับระบบน้ำยาทำความเย็นของ IHKA โดยท่อน้ำยาทำความเย็น (ท่อจ่ายและท่อดูด) ผ่านทางวาล์วกันกลับ วาล์วกันกลับจะอยู่ในท่อจ่ายที่ด้านหน้าของอีแวปเพอเรเตอร์
จะมีท่อระบายน้ำที่เกิดจาการควบแน่นเมื่อมีการทำความเย็นอากาศที่อีแวปเพอเรเตอร์ ออกสู่ภายนอก
หมายเหตุ : ในระหว่างการประกอบ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าท่อระบายน้ำอยู่ในตำแหน่งอย่างถูกต้อง โดยเซอร์โวมอเตอร์ของเบรคจอดรถจะอยู่ใต้ท่อนี้พอดี
การควบคุมการจ่ายอากาศและปรับอุณหภูมิอากาศของชุดปรับอากาศด้านหลัง จะใช้ลิ้นอากาศซึ่งขับโดยสเต็ปมอเตอร์สี่ชุด ดังต่อไปนี้ :
อีแวปเพอเรเตอร์ : อุณหภูมิในอีแวปเพอเรเตอร์จะควบคุมโดยชุดควบคุมของระบบปรับอากาศด้านหลัง ตัวควบคุมอุณหภูมิอีแวปเพอเรเตอร์จะทำงานเป็นอิสระจากลูปการควบคุมอื่นๆ โดยใช้ตัวแปรควบคุมที่สร้างขึ้นมาเฉพาะ
เอ็กซ์แพนชั่นวาล์ว: เอ็กซ์แพนชั่นวาล์วติดอยู่กับอีแวปเพอเรเตอร์ เอ็กซ์แพนชั่นวาล์วทำหน้าที่ปรับปริมาณน้ำยาทำความเย็นเหลวที่ฉีดเข้าไปในอีแวปเพอเรเตอร์ น้ำยาทำความเย็นเหลวจะได้รับการปรับให้เพียงพอที่จะสามารถระเหยเข้าไปในอีแวปเพอเรเตอร์ได้หมดเท่านั้น
วาล์วกันกลับ: วาล์วกันกลับด้านหน้าจะต่ออยู่ระหว่างท่อน้ำยาทำความเย็น (ท่อจ่ายและท่อดูด) กับระบบปรับอากาศด้านหลัง ที่บริเวณหลังจากอีแวปเพอเรเตอร์ของ IHKA ส่วนวาล์วกันกลับด้านหลังจะต่ออยู่ระหว่างท่อน้ำยาทำความเย็นกับเอ็กซ์แพนชั่นวาล์วที่อีแวปเพอเรเตอรของชุดปรับอากาศด้านหลัง
ตู้แช่ด้านหลังพร้อมไฟภายในจะติดตั้งอยู่หลังที่วางแขนตรงกลางของที่นั่งด้านหลัง การเปิดตู้แช่ด้านหลังนี้ สามารถทำได้โดยพับฝาปิดไปด้านหลัง ที่ฝาปิดจะมีปุ่มสำหรับปิดและเปิดตู้แช่ด้านหลัง
พัดลม : พัดลมปีะกอบด้วยมอเตอร์พัดลม พร้อมโรเตอร์พัดลม และ ชุดส่งเอาต์พุตไฟฟ้าพร้อมเร็คกูเลเตอร์
ตัวกรองอากาศหมุนเวียน ตัวกรองอากาศหมุนเวียนพร้อมกล่องตัวกรองจะอยู่ใต้พัดลม โดยตัวกรองละเอียดขี้ จะสามารถเปลี่ยนได้ (รอบระยะเวลาการเปลี่ยนได้กำหนดไว้ในคู่มือการซ่อมบำรุง)
แผงควบคุมระบบปรับอากาศด้านหลัง (แซทเทิลไลท์) จะติดตั้งอยู่บนด้านซ้ายมือและด้านขวามือของแผงหลังคา การออกแบบและฟังก์ชั่นของอุปกรณ์ควบคุมต่างๆ จะเหมือนกันทั้งสองชุด การทำงานของปุ่มต่างๆ สามารถสังเกตได้โดยจะมีไฟ LED อยู่ภายในปุ่ม ปุ่มต่างๆ จะมีสัญลักษณ์และไฟแสดง LED ชุดควบคุมสำหรับระบบปรับอากาศด้านหลังจะติดตั้งอยู่ในแผงควบคุมด้านขวามือ
สัญญาณของชุดควบคุมของ FKA จะทำหน้าที่ควบคุมกระบวนการปรับสภาพอากาศในห้องโดยสารด้านหลัง การรับส่งระหว่างอุปกรณ์รถยนต์กับชุดควบคุม FKA จะส่งผ่านทางบัสข้อมูลระบบ K-CAN ชุดควบคุมระบบปรับอากาศด้านหลังยังมีความสามารถในการวิเคราะห์ด้วย
จอแสดงการควบคุม จอแสดงการควบคุม (CD) ทำหน้าที่ควบคุมและแสดงผลการทำงานของระบบอิเล็กทรอนิกส์ตัวถังรถ โดยมีข้อยกเว้นอยู่บ้างเล็กน้อย จอแสดงการควบคุมทำงานตามคำสั่งที่ได้รับจากระบบ และกำหนดคำสั่งที่ได้รับมาให้กับฟังก์ชั่นต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง สถานะของระบบปรับอากาศด้านหลังจะถูกรายงานไปยังจอแสดงการควบคุม และแสดงผลที่นั้น
ตัวควบคุม : การสั่งงานจอแสดงการควบคุมสามารถทำได้โดยใช้ตัวควบคุมที่ติดตั้งอยู่ในที่วางแขนตรงกลางด้านหน้า
โมดูลไฟ LM จะส่งข้อมูลเกี่ยวกับค่าการปรับความสว่างและสถานะของไฟ (เช่น ไฟหน้าทำงาน) ให้กับชุดควบคุมระบบปรับอากาศด้านหลัง ชุดควบคุมจะควบคุมความสว่างของไฟ LED แสดงการทำงานและไฟสัญลักษณ์ในปุ่มตามข้อมูลนี้
โมดูลจ่ายกำลังไฟจะตรวจสอบสถานะประจุของแบตเตอรี่ และการใช้กระแสไฟเปิดวงจรของรถ จะมีการรับส่งข้อมูลผ่านทางบัสข้อมูลอุปกรณ์ต่อพ่วง K-CAN
โปรแกรมการทำงานในขณะที่เทอร์มินอล 15 OFF: สำหรับระบบปรับอากาศด้านหลัง ในขณะนี้ยังไม่มีโปรแกรมการทำงานที่แน่นอน สำหรับตำแหน่งลิ้นอากาศขณะที่เทอร์มินอล 15 OFF
การทำงานของตู้แช่ด้านหลัง: ในระหว่างที่ตู้แช่ด้านหลังทำงาน ระบบปรับอากาศด้านหลังสำหรับด้านซ้ายมือและด้านขวามือจะปิดการทำงาน ตำแหน่งลิ้นอากาศจะเป็นดังต่อไปนี้ :
การใช้ฟังก์ชั่นการทำความเย็นสูงสุด (MAX AC) : ในกรณีที่ใช้ฟังก์ชั่น MAX AC ตำแหน่งของลิ้นอากาศจะเป็นดังต่อไปนี้ :
การปรับตั้งลิ้นอากาศแบบแมนนวล :
ลิ้นจ่ายอากาศ : ตำแหน่งของลิ้นจ่ายอากาศจะขึ้นอยู่กับอัตราส่วนการจ่ายอากาศของพัดลมสำหรับด้านซ้ายมือและด้านขวามือ ด้านที่ตั้งอัตราส่วนการจ่ายอากาศของพัดลมไว้มากกว่าจะเปิด 100% สำหรับตำแหน่งของลิ้นจ่ายอากาศของด้านที่อัตราส่วนการจ่ายอากาศของพัดลมน้อยกว่า จะกำหนดตามเส้นกราฟลักษณะการทำงานพิเศษ ขนาดการเปิดของลิ้นอากาศตามหลักทฤษฎีจะได้รับการแก้ไขโดยเส้นกราฟลักษณะการทำงานของลิ้นอากาศเฉพาะชุด ซึ่งหมายความว่า ขนาดการเปิดลิ้นอากาศจริงๆ นั้นจะได้รับการกำหนดโดยใช้หลักเกณฑ์ที่เฉพาะสำหรับแต่ละด้าน
ลิ้นปรับอุณหภูมิอากาศ : การเปิดลิ้นปรับอุณหภูมิอากาศจะกำหนดตามค่าอุณหภูมิที่ตั้งไว้สำหรับด้านซ้ายและด้านขวา :
ช่วงการตั้งค่าอุณหภูมิ: 3°C ... 25°C (22°C)
ช่วงการตั้งค่าสวิตช์หมุน : 180 องศาโดยมี 18 ตำแหน่ง แต่ละตำแหน่งต่างกัน 10 องศา
ขั้นเพิ่ม : 22°C: 18 ตำแหน่ง ประมาณ 1.22°C ต่อมุม
ช่วงการปรับ : 0.2 วินาที
ค่าแทน : 15°C
อุณหภูมิอากาศที่ด้านขวาและด้านซ้ายจะได้รับการควบคุมแยกกัน โดยการใช้ปุ่มหมุนบนแผงควบคุมในการตั้งค่าอุณหภูมิในช่วง 3°C ... 25°C สำหรับอุณหภูมิอากาศที่ช่องอากาศหลังคา ค่าอุณหภูมิปกติที่ตั้งไว้จะเป็นตัวกำหนดอัตราส่วนแรงดันไฟฟ้าที่จุดร่วม ก่อนเข้าเร็คกูเลเตอร์แบบ PI เพื่อป้องกันความแตกต่างในการควบคุมที่อาจมีเหลืออยู่ ที่จุดร่วมนี้ จะมีค่าอัตราส่วนแรงดันไฟฟ้าจากเซ็นเซอร์อุณหภูมิที่ติดตั้งไว้ในเส้นทางการไหลของอากาศด้วย ค่าดิฟเฟอเรนเชียล (Y) ที่ได้จากค่าอัตราส่วนแรงดันไฟฟ้าจะได้รับการแก้ไขโดยเส้นกราฟลักษณะการทำงานของลิ้นอากาศ ลิ้นจ่ายอากาศและลิ้นปรับอุณหภูมิอากาศจะถูกควบคุมโดยค่าดิฟเฟอเรนเชียล ที่ได้รับการแก้ไขแล้ว อากาศเย็นจากอีแวปเพอเรเตอร์และอากาศอุ่นจากช่องเก็บสัมภาระจะถูกจ่ายออกไปตามตำแหน่งของลิ้นจ่ายอากาศ ส่วนตำแหน่งของลิ้นปรับอุณหภูมิอากาศจะทำหน้าที่ในการผสมอากาศ การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอากาศที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งลิ้นอากาศ จะถูกกำหนดโดยเซ็นเซอร์อุณหภูมิที่อยู่ในเส้นทางการไหลของอากาศ การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิจะส่งผลกลับไปที่จุดร่วมในรูปของค่าอัตราส่วนแรงดันไฟฟ้า ซึ่งจะมีผลต่อวงจรการควบคุม
การแก้ไขปริมาณการจ่ายอากาศของพัดลม :
การแก้ไขปริมาณการจ่ายอากาศที่ด้านขวา/ด้านซ้าย จะแยกกัน โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยดังต่อไปนี้ :
การทำงานของตู้แช่ด้านหลัง : ในขณะที่เครื่องยนต์กำลังทำงาน ระบบปรับอากาศด้านหลังจะจ่ายลมเย็นให้กับตู้แช่แบบรวม อากาศเย็นที่จ่ายให้กับตู้แช่ด้านหลัง จะเป็นอากาศที่จัดเตียมไว้ก่อนที่จะผ่านลิ้นระบายอากาศและลิ้นปรับอุณหภูมิอากาศ อากาศที่รั่วไหลออกไปจากตู้แช่เมื่อเปิดตู้ จึงไม่มีมีผลต่อชุดควบคุมอุณหภูมิ และเพื่อเป็นการรักษาอากาศเย็นไว้ในขณะที่ปิดการทำงานของระบบปรับอากาศด้านหลัง (ปิดการทำงานทั้งด้านซ้ายและด้านขวา) ลิ้นจ่ายอากาศจะปิด อากาศเย็นจะถูกส่งไปที่ตู้แช่ด้านหลังเพียงอย่างเดียว โดยพัดลมจะทำงานในระดับที่ได้บันทึกเอาไว้
ฟังก์ชั่นการทำความเย็นสูงสุด (MAX AC) : การเปิดใช้งานฟังก์ชั่น MAX AC ที่ด้านหนึ่งจะทำให้ลิ้นปรับอุณหภูมิอากาศของด้านนั้นๆ ทำงานในตำแหน่งการทำความเย็นสูงสุด ในขณะเดียวกัน พัดลมจะถูกตั้งการทำงานไว้ที่ 100% ตำแหน่งของลิ้นจ่ายอากาศจะจ่ายอากาศไปยังทั้งสองด้านตามอัตราส่วน
การปรับระดับการทำงานของพัดลมแบบไม่ขึ้นกับการปรับลิ้นอากาศ : ขึ้นอยู่กับเวลาการปรับลิ้นอากาศ ในขณะทำการปรับเป็นช่วงกว้าง ความเร็วในการปรับพัดลมจะคงที่ (ค่าที่บันทึกไว้)
การปรับแบบแมนนวล : ในกรณีที่ทำการปรับแบบแมนนวล จะสามารถตั้งการทำงานของพัดลมโดยตรงได้ตามต้องการ โดยการใช้ตัวปรับ การใช้ค่าโพเทนชิออมิเตอร์ 0 - 100 % ในการปรับการทำงานของพัดลมจะเป็นไปตามเส้นกราฟลักษณะการทำงานที่ได้บันทึกเอาไว้ ค่าสูงสุดที่สามารถทำได้ในการทำงานแบบแมนนวลจะไม่ใช่ค่าเอาต์พุตสูงสุดของพัดลม
การลดการทำงานของพัดลมขึ้นอยู่กับแรงดันไฟฟ้าของระบบไฟฟ้ารถยนต์: ถ้าจำเป็น ระดับการลดการทำงานของพัดลม จะส่งมาจากฟังก์ชั่นการลดการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าของโมดูลจ่ายกำลังไฟ โดยผ่านทาง K-CAN บัส สำหรับระดับ 4 และ 1 : ค่าการทำงานสูงสุดของพัดลม = 50% ของประสิทธิภาพสูงสุดที่เป็นไปได้ของพัดลม
ผลกระทบของตำแหน่งสตาร์ท (50) :
ระบบน้ำยาทำความเย็นของระบบปรับอากาศด้านหลังจะต่อเข้ากับระบบน้ำยาทำความเย็นของ IHKA โดยคอมเพรสเซอร์น้ำยาทำความเย็นของ IHKA จะเป็นตัวจ่ายน้ำยาให้กับระบบน้ำยาทำความเย็นทั้งสองชุด ทั้งสองระบบนี้จะแยกจากกันโดยวาล์วกันกลับสองตัว วาล์วสองตัวนี้จะทำงานตามการสั่งงงานของระบบปรับอากาศด้านหลัง ซึ่งจะ 'ปิด' เมื่อไม่มีการจ่ายไฟให้
หมายเหตุ : วาล์วกันกลับนี้ จะติดตั้งคู่กับอุปกรณ์พิเศษ 'ระบบปรับอากาศด้านหลัง' เท่านั้น ถ้ามีการติดตั้ง FKA จะต้องให้รหัสระบบ IHKA เป็น ”ติดตั้ง FKA ไว้” ถ้าไม่ได้ให้รหัสตามนี้ วาล์วกันกลับจะไม่ทำงานและจะ 'ปิด' ตลอดเวลา ซึ่งอาจทำให้เกิดการชำรุดเสียหายขึ้นมาได้
อุณหภูมิน้ำยาทำความเย็นของระบบปรับอากาศด้านหลังจะคงที่อยู่ระหว่าง 2°C และ 3°C โดยการใช้การควบคุมสองจุด ด้วยการกระตุ้นการทำงานวาล์วกันกลับด้านหน้าและด้านหลังสลับกัน และจะมีเอ็กซ์แพนชั่นวาล์วเสริมติดตั้งไว้ที่อีแวปเพอเรเตอร์ของระบบปรับอากาศด้านหลัง ซึ่งมีหน้าที่การทำงานเหมือนกับอีแวปเพอเรเตอร์ของ IHKA
หมายเหตุ : ห้ามสลับตัวหรือเปลี่ยนเอ็กซ์แพนชั่นวาล์วนี้
เอ็กซ์แพนชั่นวาล์วของ FKA จะให้ปริมาณน้ำยาทำความเย็นไหลผ่านได้มากกว่า มีผลให้มีการหมุนเวียนน้ำมันหล่อลื่นที่สูงกว่า ซึ่งจะช่วยป้องกันน้ำมันหล่อลื่นตกค้างในระบบน้ำยาทำความเย็นของ FKA และทำให้คอมเพรสเซอร์น้ำยาทำความเย็นชำรุดเสียหายได้
การติดต่อระหว่างชุดควบคุมกับสเต็ปมอเตอร์ : การปรับลิ้นจ่ายอากาศสองชุดและลิ้นปรับอุณหภูมิอากาศสองชุด จะใช้สเต็ปมอเตอร์แบบไปโพลาร์สี่ตัว เพื่อให้แน่ใจว่าได้ค่าแรงบิดตามที่ต้องการที่ลิ้นอากาศ สเต็ปมอเตอร์จะเชื่อมต่อเข้ากับกลไกลิ้นอากาศผ่านทางเฟืองทด
สเต็ปมอเตอร์ทั้งหมดจะต่อเข้าด้วยกันในแบบแบบขนาน และต่อเข้ากับจุดต่อสายแบบแบนสามสาย สายไฟทั้งสามเส้นจะได้แก่สายไฟเลี้ยง, สายดิน และสายข้อมูลแบบอนุกรม คำสั่งควบคุมจะถูกส่งไปยังสเต็ปมอเตอร์ผ่านทางการเชื่อมต่อข้อมูลแบบอนุกรม จากชุดควบคุมของระบบปรับอากาศด้านหลัง
เพื่อให้สเต็ปมอเตอร์แต่ละตัวมีความแตกต่างกัน จึงมีการกำหนดตำแหน่งแอดเดรสเฉพาะให้กับมอเตอร์แต่ละตัว ตำแหน่งแอดเดรสที่ตั้งโปรแกรมไว้นี้ จะสามารถกำหนดได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น และหลังจากที่กำหนดแล้ว จะไม่สามารถลบทิ้ง หรือแก้ไขได้อีก ซึ่งหมายความว่าสเต็ปมอเตอร์ ไม่สามารถเปลี่ยนกันได้ สเต็ปมอเตอร์แต่ละตัวทำงานเป็น ”ตัวรับคำสั่ง” โดยจะ ”รับ” ข้อมูลทั้งหมดที่บัส แต่จะยอมรับและสั่งงานเมื่อตรวจพบแอดเดรสของตัวมันเองเท่านั้น นอกจากนี้ การส่งผ่านข้อมูลเทเลแกรมจะต้องไม่มีความผิดพลาดด้วย ขณะสเต็ปมอเตอร์ดำเนินการตามคำสั่ง จะมีการสร้างข้อมูลสถานะ และส่งกลับไปยังชุดควบคุม
ความแม่นยำในด้านตำแหน่ง: การเปลี่ยนแปลงของแรงดันไฟฟ้ารถยนต์จะมีผลต่อแรงบิดของมอเตอร์ MUX4 อย่างไรก็ตาม มอเตอร์จะทำงานในโหมดการทำงานแบบสัญญาณรบกวนต่ำ (Lower-Noise Sinus Operation) เมื่อแรงดันไฟฟ้า U BKL30 มากกว่า 11 โวลท์ ถ้าแรงดันไฟฟ้าต่ำกว่าค่านี้ จะต้องเปลี่ยนไปทำงานในโหมดการทำงานแบบเต็มระดับ
การเปลี่ยนโหมดการทำงาน :
U BKL30 < 9.0 โวลท์มอเตอร์หยุดทำงาน
9.0 โวลท์ < U UBKL30 < 10.0 โวลท์ มอเตอร์ทำงานที่ความถี่ 140 Hz ในโหมดการทำงานเต็มระดับ
10.0 โวลท์ < U BKL30 < 11.0 โวลท์ มอเตอร์ทำงานด้วยความถี่จำกัด ในโหมดการทำงานแบบเต็มระดับ
11.0 โวลท์ < U BKL30 < 16.0 โวลท์ มอเตอร์ทำงานด้วยความถี่จำกัด ในโหมดการทำงานแบบไซน์ (Sine Operation)
16.0 โวลท์ < U BKL30 มอเตอร์หยุดทำงาน (เนื่องจากการสูญเสียกำลังไฟที่ IC)
เงื่อนไขเหล่านี้ จะใช้กับการทำงานอ้างอิงด้วย !
การทำงานอ้างอิง : เนื่องจากไม่มีสเต็ปปิงมอเตอร์ตัวใดที่มีการตรวจจับตำแหน่งจริง ดังนั้นสเต็ปปิงมอเตอร์จะเคลื่อนที่สัมพันธ์กับตำแหน่งสุดของลิ้นอากาศตัวใดตัวหนึ่ง (ตำแหน่งอ้างอิง) เสมอ (ตำแหน่งอ้างอิง: 0 / 100%). ถ้ามีการเปลี่ยนชุดควบคุม หรือแหล่งจ่ายไฟขาดหายไปในระหว่างการทำงานปกติ ลิ้นอากาศจะเลื่อนไปอยู่ที่ตำแหน่งสุด โดยตำแหน่งสุดนี้ จะเลือกจากจุดที่ใกล้กับตำแหน่งค่าที่กำหนดค่าต่อไปมากที่สุด (การปรับเส้นทาง)
การรวมกันของตำแหน่งปกติที่นี่ จะทำให้ได้การปรับเวลาทำงานมอเตอร์ที่ดีที่สุด : ถ้าต้องการจะเปิดลิ้นอากาศค้างไว้หลังจากการทำงานอ้างอิง ก็จะดำเนินการทำงานอ้างอิงในทิศทาง ”เปิด” การปรับเส้นทางนี้จะขึ้นอยู่กับเกณฑ์ดังต่อไปนี้ :
การปรับเส้นทางในระหว่างการทำงานอ้างอิง:
ค่าที่ตั้งของเครื่องวิเคราะห์สามารถเริ่มต้นการทำงานอ้างอิง
การทำงานตามตำแหน่ง : เมื่อจอดรถ (โดยเทอร์มินอล 15 OFF) สเต็ปมอเตอร์จะเลื่อนลิ้นอากาศไปที่ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง โดยลิ้นจ่ายอากาศจะปิด และลิ้นปรับอุณหภูมิอากาศจะอยู่ที่ตำแหน่งกึ่งกลาง
การปรับมุม, จำนวนขั้นและเวลาในการปรับ :
สามารถสั่งงานระบบปรับอากาศด้านหลังได้โดยใช้แผงควบคุมด้านซ้ายและด้านขวา และปุ่มสำหรับตู้แช่ด้านหลัง (เปิด/ปิด) นอกจากนั้น การทำงานบางส่วนยังสามารถสั่งจาก IHKA ได้อีกด้วย
การสั่งงานโดยใช้ปุ่ม :
ความสัมพันธ์ : ความสัมพันธ์ระหว่างฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆ กับสถานะเทอร์มินอล 15 ON มีดังต่อไปนี้ :
ฟังก์ชั่นที่ทำงานอยู่ |
กดปุ่ม |
ฟังก์ชั่นใหม่ |
---|---|---|
การทำความเย็นสูงสุด (MAX AC) |
ปิด |
ปิด |
แมนนวล |
ปิด |
ปิด |
ปิด |
ปิด |
การทำความเย็นสูงสุด MAX AC (ถ้า MAX AC 'ปิด' อยู่ก่อนหน้านี้ จะถูกลบออกไปโดย VA) |
ปิด |
ปิด |
แมนนวล (ถ้าการทำงานในแบบแมนนวล 'ปิด' อยู่ก่อนหน้านี้) |
แมนนวล |
การทำความเย็นสูงสุด (MAX AC) |
การทำความเย็นสูงสุด (MAX AC) |
ปิด |
การทำความเย็นสูงสุด (MAX AC) |
การทำความเย็นสูงสุด (MAX AC) |
การทำความเย็นสูงสุด (MAX AC) |
การทำความเย็นสูงสุด (MAX AC) |
แมนนวล |
การสั่งงานโดยปุ่มหมุน :
ผลกระทบต่อสถานะ 'ปิด' และ ฟังก์ชั่น 'การทำความเย็นสูงสุด' :
หมายเหตุ : ”การทำงานของโหมดการทำงานแบบแมนนวล” เป็นออปชั่นที่สามารถการให้รหัสได้ ในขณะนี้ ฟังก์ชั่นนี้จะยังไม่ได้
ให้รหัสไว้
การสั่งงานผ่านทาง IHKA: การสั่งการทำงานของ MAX AC ที่แผงควบคุมของ IHKA จะเป็นการสั่งให้แผงควบคุมของ FKA ให้เปลี่ยนไปทำงานในโหมดการทำความเย็นสูงสุด (MAX AC)
ถ้ามีการปิดการทำงานของโหมดการทำความเย็นสูงสุดจากแผงควบคุมของ IHKA อีกครั้งหนึ่ง ระบบปรับอากาศด้านหลังสำหรับทั้งสองด้านจะเปลี่ยนไปที่สถานะที่ได้ตั้งไว้ก่อนหน้าที่ MAX AC จะทำงาน อย่างไรก็ตาม ระบบจะทำงานตามขั้นตอนการทำงานนี้ก็ต่อเมื่อ ไม่มีการปรับใดๆ ที่ FKA ในระหว่างการทำงานของการทำความเย็นสูงสุด หลังจากนั้น จะสามารถสั่งการทำงานของระบบปรับอากาศด้านหลังได้ในแบบปกติ
การสั่งการทำงานผ่านทางตัวควบคุม (BM ด้านหน้า) : จอแสดงการควบคุมจะติดต่อกับระบบปรับอากาศด้านหลังผ่านทางบัสข้อมูลระบบ K-CAN และสามารถที่จะปรับเปลี่ยนค่าการทำงานต่างๆ ได้ ค่าตั้งสำหรับการทำงานที่สามารถปรับได้โดยใช้ตัวควบคุมและส่วนแสดงบนจอแสดงการควบคุม มีดังต่อไปนี้ :
ไฟ LED แสดงการทำงาน : การทำงานของปุ่มทั้งหมดจะสามารถสังเกตได้โดยจะมีไฟ LED แสดงการทำงาน, ไฟสัญลักษณ์ และไฟแสดงตำแหน่ง อยู่ในปุ่ม:
ไฟ LED นี้จะแสดงถึงสถานะของโปรแกรมโดยจะเป็นสัญญาณตอบกลับที่แท้จริง โดยชุดควบคุมของ FKA จะเป็นตัวสั่งงานไฟ LED แสดงการทำงานทั้งหมด
ความสว่างของไฟ LED แสดงการทำงานจะคงที่เสมอ เนื่องจากจะมีเร็คกูเลเตอร์ปรับแรงดันไฟฟ้าควบคุมแรงดันไฟฟ้าที่จ่ายให้ ลำดับความสำคัญของปุ่มจะถูกตั้งไว้โดยโปรแกรม เมื่อมีสถานะการแสดงผลที่มีลำดับความสำคัญสูงกว่า ไฟแสดงการทำงานของปุ่มที่มีลำดับความสำคัญต่ำกว่าก็จะดับไป
การทำงานในเวลากลางวัน / กลางคืนของไฟ LED : ความสว่างของไฟ LED แสดงการทำงานจะได้รับการออกแบบไว้สำหรับเวลากลางวัน. เพื่อป้องกันอาการตาพร่าในช่วงเวลากลางคืน ความสว่างจะลดลงเมื่อมีการเปิดสวิตช์ไฟแสงสว่าง และเทอร์มินอล 58g ทำงาน สำหรับการควบคุมความสว่าง ไฟเลี้ยงสำหรับไฟ LED ได้รับการควบคุมโดยสัญญาณ PWM ค่าความสว่างต่ำสุดของไฟ LED แสดงการทำงานจะได้รับการบันทึกไว้ ความสว่างของไฟสัญลักษณ์ก็จะหรี่ลงตามสถานะของ เทอร์มินอล 58g ด้วย โดยสถานะของเทอร์มินอล 58g จะถูกส่งผ่านไปยังระบบควบคุมของระบบปรับอากาศด้านหลังผ่านทางข้อความ K-CAN ”การลดความสว่าง” โมดูลไฟก็จะส่งผ่านสถานะของไฟโดยใช้เทเลแกรม ”สถานะหลอดไฟ”
ถ้าโหมดใดโหมดหนึ่งในสองโหมดนี้ 'ทำงาน' ระบบปรับอากาศด้านหลังจะเปลี่ยนทำงานในโหมด 'ปิด' และจะอยู่ในสถานะนี้ จนกว่าโหมดดังกล่าวหยุดการทำงานไป หลังจากสิ้นสุดโหมดขนส่ง ระบบปรับอากาศด้านหลังจะยังคงอยู่ในสถานะ 'ปิด' แต่จะสามารถสั่งการทำงานได้อีกครั้งหนึ่ง
จะสามารถสั่งการทำงานหรือหยุดการทำงานของโหมดเหล่านี้ได้ โดยใช้เทเลแกรมการวิเคราะห์มาตรฐาน
สำหรับระบบปรับอากาศด้านหลัง สามารถสั่งการทำงานของโหมดการเติมน้ำยาได้โดยใช้อินเตอร์เฟสการวิเคราะห์ ในระหว่างการทำงาน วาล์วกันกลับด้านหน้าบน IHKA และวาล์วกันกลับด้านหลังบน FKA จะเปิดออก
การสั่งงานในแบบแมนนวลของระบบปรับอากาศด้านหลัง จะเป็นการสั่งงานแยกกันระหว่างแผงควบคุมด้านซ้ายและด้านขวา เนื่องจากเฉพาะแผงควบคุมด้านขวาเท่านั้นที่เป็นแผงควบคุม ”อัจฉริยะ” จึงจำเป็นต้องทำการปรับเทียบโพเทนชิออมิเตอร์ของแผงควบคุมด้านซ้ายตามค่าขีดจำกัดที่แน่นอน
เงื่อนไขสำหรับการปรับเทียบ : เทอร์มินอล R ON , เทอร์มินอล 15 OFF
การเริ่มการการปรับเทียบ :
หลังจากเริ่มการปรับเทียบแล้ว ไฟ LED ของปุ่ม 'ปิด' (OFF) และปุ่ม MAX ของแผงควบคุมด้านซ้ายจพกะพริบ
ค่ามาตรฐานเพื่อความปลอดภัยซึ่งสูงกว่าค่าต่ำสุดหรือต่ำกว่าค่าสูงสูด จะบันทึกลงในตำแหน่งสำหรับค่าขีดจำกัดของโพเทนชิออมิเตอร์ของแผงควบคุมด้านซ้ายมือ ในหน่วยความจำ
การปรับเทียบโพเทนชิออมิเตอร์ :
หมายเหตุ : ต้องปฏิบัติตามลำดับขั้นตอนการทำงานอย่างเคร่งครัด ถ้าไม่ได้หมุนปุ่มหมุนไปจนสุดจริงๆ อาจทำให้เกิดการทำงานผิดพลาดได้ (จะไม่สามารถทำการปรับเพิ่มได้)
1. หมุนปุ่มหมุนทั้งสองปุ่มไปทางซ้ายจนสุด (ค่าต่ำสุด)
2. กดปุ่ม MAX AC : เมื่อไฟ LED MAX AC หยุดกะพริบแสดงว่าได้ทำการบันทึกค่าตำแหน่งสุดทางด้านซ้ายเรียบร้อยแล้ว
ถ้าค่าที่วัดได้สูงกว่าค่าที่ใส่เข้าไปในตำแหน่งหน่วยความจำแต่ละตำแหน่งในขณะเริ่มต้น ระบบจะไม่ยอมรับค่าเหล่านี้ และไฟ LED MAX AC จะกะพริบต่อไป
3. หมุนปุ่มหมุนทั้งสองปุ่ม ไปทางขวาจนสุด (ค่าสูงสูด)
4. กดปุ่ม 'ปิด' : เมื่อไฟ LED 'ปิด' หยุดกะพริบแสดงว่าได้ทำการบันทึกค่าตำแหน่งสุดทางด้านขวาเรียบร้อยแล้ว
ถ้าค่าที่วัดได้ต่ำกว่าค่าที่ใส่เข้าไปในตำแหน่งหน่วยความจำแต่ละตำแหน่งในขณะเริ่มต้น ระบบจะไม่ยอมรับค่าเหล่านี้ และไฟ LED 'ปิด' จะกะพริบต่อไป
การทำงานอ้างอิงของสเต็ปมอเตอร์ (มอเตอร์ MUX) :
สามารถสั่งการทำงานอ้างอิงของสเต็ปมอเตอร์ได้โดยใช้เครื่องเทสเตอร์การวิเคราะห์
แนวคิดสำหรับการวิเคราะห์ประกอบด้วยสองส่วน : การวิเคราะห์ตัวเอง ซึ่งทำหน้าที่ในการวิเคราะห์ความผิดปกติในฮาร์ดแวร์โดยการใช้โปรแกรม และสร้างข้อมูลผลการการวิเคราะห์ให้กับเครื่องเทสเตอร์ผ่านทาง ระบบจัดการหน่วยความจำรหัสความผิดปกติ การติดต่อระหว่างส่วนการวิเคราะห์สองส่วน ก็คือข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์
การวิเคราะห์ตัวเอง :
การวิเคราะห์ตัวเองจะทำงาน เมื่อเทอร์มินอล 15 ON โดยสภาพต่างๆ ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขการวิเคราะห์ต่อไปนี้ก่อนเปิดสวิตช์ :
การวิเคราะห์ตัวเองจะทำงานหลังจากช่วงเวลาการเตรียมระบบ t = > 4 วินาที
ในระหว่างการทำงานปกติ (ก่อนเทอร์มินอล 15 OFF) รอบการวิเคราะห์อินพุตจะทำงานที่รอบระยะเวลา 4 วินาที ในกรณีของเอาต์พุต จะสามารถทำการวิเคราะห์ได้เพียงบางส่วนเท่านั้น โดยจะทำการตรวจสอบความผิดปกติของเอาต์พุตของระบบที่ทำงานอยู่เท่านั้น
ถ้าตรวจพบความผิดปกติเป็นระยะๆ จะมีการสร้างบิตข้อมูลความผิดปกติในการวิเคราะห์ในหน่วยความจำของชุดควบคุม และจะบันทึกความผิดปกติลงในหน่วยความจำของชุดควบคุม
สำหรับข้อความแสดงความผิดปกติ จะสร้างขึ้นเมื่อสภาพต่างๆ เป็นไปตามเงื่อนไขการวิเคราะห์เท่านั้น
ในกรณีที่เกิดความผิดปกติขึ้น อินพุตของระบบเกิดความผิดปกติ จะถูกแทนด้วยค่าแทนสำหรับอินพุตนั้นๆ แต่สำหรับในกรณีที่เกิดความผิดปกติของเอาต์พุตระบบ จะหยุดการทำงานของเอาต์พุตนั้น ในกรณีของตัวขับสำหรับเอาต์พุตสองชุด และสายสถานะหนึ่งเส้น บางกรณีเอาต์พุตจำเป็นต้องทำงานอยู่ มิฉะนั้นจะทำให้เกิดความผิดปกติของเอาต์พุตอีกตัวหนึ่ที่ต่ออยู่ด้วยกันได้
ในรอบการวิเคราะห์รอบต่อไป (การพยายามแก้ไขความผิดปกติทุก 20 วินาที) สถานะความผิดปกติของพอร์ตของระบบจะได้รับการสร้างขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ในกรณีที่เกิดความผิดปกติขึ้น โดยปกติแล้วระบบจะพยายามทำการแก้ไขสูงสุด 15 ครั้ง หลังจากนั้น จะถือว่าเอาต์พุตนั้นเกิดความผิดปกติ และจะถูกสั่งให้ไม่ทำงานตลอดรอบการทำงานนี้ การวิเคราะห์ตัวเองจะทำงาน และจะพยายามทำการแก้ไขเอาต์พุตที่เกิดความผิดปกติแต่ละตัวเป็นจำนวน 15 ครั้งนั้น จะทำได้เมื่อเทอร์มินอล 15 OFF และ ON อีกครั้งหนึ่งเท่านั้น
ภายในเวลา 3 วินาทีหลังจากปิดสวิตช์กุญแจ (เทอร์มินอล 15) ข้อมูลความผิดปกติจะถูกส่งผ่านจากหน่วยความจำรหัสความผิดปกติเข้าไปในหน่วยความจำ และจะทำการบันทึกข้อมูลรหัสไว้ทันที
หลังจาก ”การรีเซ็ตขณะเปิดเครื่อง” (เทอร์มินอล 30) ข้อมูลในหน่วยความจำจะถูกส่งผ่านเข้าไปในหน่วยความจำรหัสความผิดปกติของชุดควบคุม ในหน่วยความจำรหัสความผิดปกติ ข้อมูล (ตำแหน่งความผิดปกติ และประเภทของความผิดปกติ) จะได้รัยการแทนที่ และ/หรือ เปลี่ยนแปลงตามสภาพความผิดปกติในขณะนั้นๆ
หลังจากการเปลี่ยนแปลงค่าตั้งของแผงควบคุมครั้งสุดท้าย จะทำการบันทึกค่าตั้งเหล่านี้ไว้ และจะทำการบันทึกซ้ำ ... :
- ในขณะที่เครื่องยนต์กำลังทำงาน ทุก 10 วินาที
- ในขณะที่เครื่องยนต์ไม่ทำงาน ทุกๆ วินาที