ลักษณะการออกแบบเครือข่าย MOST

เครือข่าย MOST คือระบบบัสระบบหนึ่งที่ใช้สำหรับส่งผ่านข้อมูลภาพและเสียง ในรุ่น E65 จะเป็นการส่งผ่านเฉพาะข้อมูลเสียงและคำสั่งควบคุมเท่านั้น การติดต่อของบัสนี้จะเป็นการทำงานแบบทิศทางเดียว โดยชุดควบคุมต่างๆ ในระบบบัสจะต่อกันในแบบอนุกรม ซึ่งทำให้ระบบบัสนี้ มีโครงสร้างเป็นวงแหวนหนึ่งวง ถ้าอุปกรณ์ในเครือข่ายอุปกรณ์ใดอุปกรณ์หนึ่ง มีอุณหภูมิสูงเกิน 70 °C จอแสดงการควบคุมจะแสดงว่าฟังก์ชั่นการทำงานที่อุปกรณ์นั้นๆ รับผิดชอบอยู่ไม่สามารถทำงานได้ และถ้าอุณหภูมิสูงเกิน 85 °C ระบบ MOST บัสทั้งหมดจะปิดการทำงานลง สำหรับการตรวจสอบการใช้งานและพารามิเตอร์ต่างๆ เช่น การปรับตั้งระดับเสียงของวิทยุ จะสามารถทำได้โดยการดูที่จอแสดงการควบคุมเท่านั้น ตัวควบคุมระบบเสียงจะบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับชุดควบคุมที่ติดตั้งไว้ สำหรับรายการอุปกรณ์ในระบบ สามารถเรียกดูในเมนูการบริการของจอแสดงการควบคุม แต่ถ้าวงจรของระบบ (หรือวงแหวน) ขาด ก็จะไม่สามารถเรียกดูอุปกรณ์ได้ ตัวควบคุมระบบเสียงจะควบคุมแหล่งกำเนิดเสียงต่างๆ โดยการสร้างช่องสัญญาณภายในไว้หลายๆ ช่อง เพื่อส่งสัญญาณเสียงออกจากช่องสัญญาณแต่ละช่องได้ เมื่อมีการสั่งงานที่จอแสดงการควบคุม ถ้าติดตั้งระบบท็อปไฮไฟเพิ่มเติม คลื่นเสียงความถี่ต่ำจะได้รับการคำนวณซ้ำอีกครั้ง ก่อนที่จะส่งออกไป ซึ่งทำให้เสียงในช่วงคลื่นความถี่ต่ำ (เสียงทุ้ม) จะชัดเจนและหนักแน่นมากขึ้น

การดำเนินการในกรณีที่วงจรระบบ (วงแหวน) ขาด

ถ้าฟังก์ชั่นการทำงานของระบบ MOST ไม่สามารถปฏิบัติงานได้ อาจมีสาเหตุมาจากกรณีดังต่อไปนี้ :

ไม่สามารถเลือกฟังก์ชั่นการทำงานได้

สายไฟเบอร์ออปติกขาด

 

ไฟเลี้ยงของชุดควบคุมอย่างน้อยหนึ่งชุดขาดหายไป

 

ซอฟท์แวร์ของชุดควบคุมอย่างน้อยหนึ่งชุดขัดแย้งกันอย่างมาก

ไม่สามารถเลือกฟังก์ชั่นที่เลือกไว้แล้วได้

มีความผิดปกติในซอฟท์แวร์ของชุดควบคุมซึ่งสัมพันธ์กับฟังก์ชั่นการทำงานเป็นอย่างมาก

ไม่ทำงานเลย, ดูหมายเหตุเรื่องอุณหภูมิสูงเกินไป

ฟังก์ชั่นการทำงานอย่างน้อยหนึ่งฟังก์ชั่นไม่ทำงาน เนื่องจากอุณหภูมิสูงเกินไป

 

ตัวอย่างฟังก์ชั่นการทำงาน

ตัวอย่างฟังก์ชั่นการทำงานจะเกี่ยวข้องกับท็อปไฮไฟที่ติดตั้งเพิ่มเติมพิเศษเสมอ ถ้าไม่ได้ติดตั้งอุปกรณ์นี้ จะไม่มีการจัดเตรียมข้อมูลเสียงในเครื่องขยายสัญญาณ แต่จะจัดเตรียมข้อมูลเสียง และส่งสัญญาณเสียงออกโดยตัวควบคุมระบบเสียง

การเปิดวิทยุในขณะรถอยู่กับที่

MOST อยู่ในสถานะเริ่มต้น ”บัสสแตนด์บาย” เมื่อกดปุ่มหมุน ”ตัวควบคุมระบบเสียง” จะมีการกระตุ้นการทำงานตัวควบคุมระบบเสียง โดยตัวควบคุมระบบเสียงจะเปิดไฟที่อยู่บนบัส ซึ่งชุดควบคุมทั้งหมดจะเริ่มทำงานอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่เปิดไฟดังกล่าว จอแสดงการควบคุมจะตรวจสอบว่า ตัวควบคุมระบบเสียงเริ่มทำงานแล้ว จอแสดงการควบคุมจะตอบสนอง โดยการสั่งงานตัวควบคุมระบบเสียง ให้จัดเตรียมช่องสัญญาณเสียงสำหรับฟังก์ชั่น ”เปิดวิทยุ” ในขณะเดียวกัน จะมีการสั่งงานตัวปรับหาคลื่นเสาอากาศ ให้จัดเตรียมรายการสถานีด้วย ตัวปรับหาคลื่นเสาอากาศจะระบุสถานีที่รับได้ล่าสุด และตั้งสถานีนี้เอาไว้ ข้อมูลเสียงของสถานีจะถูกส่งไปยังตัวควบคุมระบบเสียง ตัวควบคุมระบบเสียงจะสร้างข้อมูลเสียงสำหรับการส่งออก โดยใช้สัญญาณยืนยันการรับจากตัวปรับหาคลื่นเสาอากาศ

การปรับระดับเสียงวิทยุ

สามารถปรับระดับเสียงได้โดยใช้ปุ่มหมุน/ปุ่มกดที่ตัวควบคุมระบบเสียง หรือปุ่มปรับระดับเสียงบนพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น

ตัวอย่างเช่น : การตั้งค่าผ่านทาง ASK : เมื่อหมุนปุ่มบน ASK จะเป็นการสั่งเปลี่ยนสถานะไปยังเครื่องขยายสัญญาณ ซึ่งเครื่องขยายสัญญาณจะคำนวณค่าพารามิเตอร์ใหม่ และส่งสัญญาณตามค่าเหล่านั้นออกมา ในกรณีที่ไม่มีออปชั่นท็อปไฮไฟ ASK จะทำการคำนวณค่าพารามิเตอร์เสียงใหม่ และส่งสัญญาณเสียงออกมา ในตัวอย่างนี้ ฟังก์ชั่น ”วิทยุ” จะทำงานที่ระดับเสียง 10 โดยมีการเปลี่ยนสถานะครั้งละ 1 ระดับ ASK จะส่งข้อมูลแบบเทเลแกรมไปยังเครื่องขยายสัญญาณ ในขณะที่สถานะระดับเสียงเปลี่ยนไป เครื่องขยายสัญญาณจะคำนวณข้อมูลเสียงอีกครั้ง และส่งสัญญาณเสียงออกทางลำโพงโดยมีการหน่วงเวลาเล็กน้อย ในขณะเดียวกัน เครื่องขยายสัญญาณจะส่งสัญญาณผ่านทางระบบบัสไปพร้อมๆ กันด้วย ASK จะส่งข้อมูลที่คำนวณได้ออกทางลำโพง เมื่อเปิดชุดควบคุมอีกครั้ง (หลังจากที่หยุดทำงานโดยผิดปกติ) อาจทำให้เกิดความผิดปกติขึ้นในการเลือกช่องของ ASK ถ้ามีความผิดปกตินี้เกิดขึ้น จะมีการส่งสัญญาณเสียงความถี่สูงซึ่งอาจไม่สามารถได้ยินเสียงนั้นได้ ซึ่งสามารถค้นหาสาเหตุโดยการค้นหาความผิดปกติในการติดต่อส่งสัญญาณของสายไฟเบอร์ออปติก สิ่งที่สำคัญคือ จะต้องค้นหาความผิดปกติในชุดควบคุมตามลำดับที่ถูกต้อง โดยเริ่มต้นที่แผงหน้าปัด ซึ่งเป็นชุดควบคุมชุดแรกที่มีการบันทึกหน่วยความจำความผิดปกติ และตรวจสอบไล่ไปตามทิศทางของจอแสดงการควบคุมตามลำดับ ตามแผนผังวงจร MOST ความผิดปกติเกิดจากชุดควบคุมก่อนหน้านี้ ซึ่งสามารถระบุสาเหตุความผิดปกติในฮาร์ดแวร์หรือซอฟท์แวร์ของชุดควบคุมที่บันทึกความผิดปกติ หรือชุดควบคุมที่อยู่ในลำดับก่อนหน้า

ตัวอย่างเช่น : การปรับผ่านทางพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น : เมื่อกดปุ่มที่พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น จะเป็นการส่งข้อความแสดงสถานะผ่านทาง CAN, จอแสดงการควบคุม และ MOST ไปยัง ASK ASK จะตรวจเช็คสถานะนี้ และเพิ่มค่าระดับเสียงขึ้นไปเรื่อยๆ ตลอดเวลาที่ยังคงอยู่ในสถานะนั้น (กดค้าง) และ ASK จะส่งข้อมูลแต่ละค่าเหล่านี้ไปยังเครื่องขยายสัญญาณ และจะปรับระดับเสียงที่ลำโพงเพิ่มขึ้นตามลำดับ

การปรับตั้งสถานีและแทร็ค

การปรับตั้งสถานีและแทร็ค (ฟังก์ชั่นค้นหา) สามารถทำได้โดยใช้ปุ่มค้นหาแบบอัตโนมัติที่ตัวควบคุมระบบเสียง, ปุ่มต่างๆ บนพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น หรือที่เมนูคำสั่งในจอแสดงการควบคุม

ตัวอย่างเช่น : การปรับผ่านทางพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น : สถานะที่ตั้งไว้ คือ ”ฟังเพลงจากเครื่องเล่นซีดี” จากนั้น จะเล่นแทร็คต่อไป การเปลี่ยนสถานะจะเกิดจากการกดปุ่มกดด้านขวาของพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ซึ่งสถานะที่เปลี่ยนแปลงนี้จะถูกส่งไปยังจอแสดงการควบคุม ผ่านทาง CAN จอแสดงการควบคุมจะตรวจเช็คในระบบจัดการของตัวเอง และจะระบุเครื่องเล่นซีดี (CDC) ให้เป็นแหล่งกำเนิดเสียงในขณะนั้น จากนั้น จอแสดงการควบคุมจะส่งคำสั่งสำหรับแทร็คต่อไปหรือแทร็คก่อนหน้านี้ของเครื่องเล่นซีดี เครื่องเล่นซีดีจะตั้งตัวเองให้ไปที่แทร็คใหม่ และเริ่มเล่นแทร็คนั้น ในขณะเดียวกัน เครื่องเล่นซีดีจะส่งข้อมูลกลับไปที่จอแสดงการควบคุม

การส่งสัญญาณภาพและเสียง

ภาพสีที่เกิดขึ้น หรือ RGB จะตรวจสอบให้แน่ใจถึงการส่งผ่านสัญญาณของข้อมูลรูปภาพ โดยมีข้อยกเว้นสำหรับข้อมูลระบบนำทางแบบกราฟฟิกในแผงหน้าปัด ภาพกราฟฟิคเหล่านี้เป็นกราฟฟิคแบบเว็คเตอร์ ซึ่งได้รับการส่งออกเป็นข้อมูลแบบเทเลแกรมโดยระบบนำทาง สำหรับสัญญาณเสียงนั้น จะส่งออกโดยชุดควบคุมแต่ละชุด ผ่านทาง MOST และตัวควบคุมระบบเสียง

อุปกรณ์รุ่นเฉพาะประเทศ : ญี่ปุ่น

ระบบนำทางญี่ปุ่น รุ่นก่อนและรวมถึงรุ่นปี 2003_09 จะไม่ใช้ชุดควบคุม MOST การติดต่อกับ MOST จะทำโดยผ่านทางอินเตอร์เฟสระบบบัสแบบยืดหยุ่น (Flexible Bus Interface หรือ FBI) โดย FBI จะส่งสัญญาณเสียงของระบบนำทางผ่านทาง MOST บัส ส่วนการส่งข้อมูลภาพ จะทำโดยใช้ RGB และการซิงโครไนซ์กับโมดูลวิดีโอแยกต่างหาก และแปลงเป็นสัญญาณ RGB จากนั้น จะส่งสัญญาณออกทางจอแสดงการควบคุม โดยจะไม่มีข้อมูลระบบนำทางในแผงหน้าปัด