เครื่องขยายสัญญาณไฮไฟ/ท็อปไฮไฟ ได้รับการออกแบบให้เป็นเครื่องขยายสัญญาณช่องความถี่แบบแอ็คทีฟ ด้วยระบบแบบนี้ ทำให้ได้เสียงที่ดีกว่าระบบเครือข่ายที่ใช้ความถี่แบบพาสซีฟ
ระบบเครือข่ายที่ใช้ความถี่แบบแอ็คทีฟจะส่งผ่านสัญญาณความถี่ที่สร้างขึ้นใหม่โดยระบบลำโพงที่ต่ออยู่กับโมดูลเครื่องขยายสัญญาณ (ชุดส่งเอาต์พุต) ซึ่งต่อเข้ากับลำโพงที่เกี่ยวข้อง (ลำโพงทวีทเตอร์, เสียงกลาง, วูฟเฟอร์)
สำหรับรถรุ่น E83 ลำโพงซับวูฟเฟอร์จะถูกต่อเข้ากับโมดูลครื่องขยายสัญญาณด้วย (ชุดส่งเอาต์พุต)
เครื่องขยายสัญญาณจะต่อโดยตรงเข้ากับไฟบวกต่อเนื่องและกราวด์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นแหล่งจ่ายไฟ โดยวิทยุจะทำหน้าที่ในการเปิดและปิดเครื่องผ่านทางอินพุตควบคุม ถ้าเครื่องขยายสัญญาณตรวจพบแรงดันไฟฟ้าสูงกว่า 9 โวลท์ที่อินพุตควบคุม และแรงดันไฟฟ้าซึ่งสูงกว่าแรงดันไฟฟ้าที่อินพุตควบคุมที่อินพุตไฟบวกต่อเนื่อง เครื่องขยายสัญญาณจะทำงานหลังจากนั้นประมาณ 2 วินาที
เครื่องขยายสัญญาณจะต่อโดยตรงเข้ากับไฟบวกต่อเนื่องและกราวด์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นแหล่งจ่ายไฟ เครื่องขยายสัญญาณจะหยุดทำงาน ถ้าแรงดันไฟฟ้าที่อินพุตควบคุมลดลงต่ำกว่าขีดจำกัดของแรงดันไฟฟ้าที่ใช้ในการทำงานซึ่งเท่ากับ 9 โวลท์ เป็นเวลาสั้นๆ (ประมาณ 25 มิลลิวินาที)
เครื่องขยายสัญญาณจะต่อโดยตรงเข้ากับไฟบวกต่อเนื่องและกราวด์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นแหล่งจ่ายไฟ และทำงานภายในช่วงแรงดันไฟฟ้าตั้งแต่ 9 โวลท์ ถึง 16 โวลท์ ถ้าแรงดันไฟฟ้าลดลงต่ำกว่าขีดจำกัดแรงดันไฟฟ้าที่ใช้ในการทำงาน 9 โวลท์ เป็นเวลาสั้นๆ (ประมาณ 25 มิลลิวินาที) ตัวอย่างเช่น ในระหว่างขั้นตอนการสตาร์ท เครื่องขยายสัญญาณจะหยุดทำงาน และจะเริ่มขั้นตอนการทำงานใหม่อีกครั้ง เมื่อสถานะเป็นไปตามเงื่อนไขการเริ่มทำงานที่กำหนดไว้
เครื่องขยายสัญญาณไฮไฟจะไม่มีฟังก์ชั่นการเพิ่มระดับเสียงตามความเร็วรถ เพื่อชดเชยเสียงที่เกิดขึ้นจากส่วนของรถยนต์ ซึ่งตรงกันข้ามกับเครื่องขยายสัญญาณท็อปไฮไฟ การเพิ่มระดับเสียงโดยทั่วไปสามารถปรับได้ที่วิทยุ
เครื่องขยายสัญญาณท็อปไฮไฟมีลักษณะการทำงานเหมือนกันกับเครื่องขยายสัญญาณไฮไฟ นอกเหนือจากชุดส่งเอาต์พุตสำหรับลำโพงทวีทเตอร์, ลำโพงเสียงกลาง และวูฟเฟอร์ ยังมีการต่อเข้ากับเครื่องขยายสัญญาณซับวูฟเฟอร์แบบสองช่อง ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการปรับระดับเสียงตามความเร็วโดยสัมพันธ์กับเสียงที่เกิดจากส่วนของรถยนต์ เช่นเดียวกับเครื่องขยายสัญญาณท็อปไฮไฟ
เครื่องขยายสัญญาณท็อปไฮไฟจะมีระบบการปรับลักษณะเสียงตามความเร็ว ให้สัมพันธ์กับเสียงที่เกิดจากส่วนของรถยนต์ โดยการเพิ่มความดังในช่วงเสียงที่กำหนด ซึ่งจะตรงกันข้ามกับเครื่องขยายสัญญาณไฮไฟ ด้วยเหตุนี้ เครื่องขยายสัญญาณท็อปไฮไฟจึงมีจุดต่อสัญญาณ (สัญญาณเอาต์พุตมาตรวัดความเร็ว) จากแผงหน้าปัด ฟังก์ชั่นการปรับลักษณะเสียงนี้ไม่ทำให้ระดับความดังโดยรวมเพิ่มขึ้น แต่ระดับความดังจะเพิ่มขึ้นตามระดับของเสียง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงความถี่ต่ำจะเพิ่มขึ้นในช่วงความเร็วสูง
ในรถยนต์รุ่น E46 ทัวร์ริ่ง และ E83 เครื่องขยายสัญญาณท็อปไฮไฟจะมีโมดูลซับวูฟเฟอร์แบบสองช่องรวมอยู่ด้วย และจะติดตั้งไว้ในตัวเรือนซับวูฟเฟอร์ โดยมีแหล่งจ่ายไฟของตัวเอง และทำงานโดยใช้สัญญาณจากเครื่องขยายสัญญาณท็อปไฮไฟ (> 8 โวลท์ = เปิด / < 6 โวล์ท = ปิด) โมดูลซับวูฟเฟอร์มีคุณสมบัติในการปรับลักษณะเสียงตามความเร็วโดยสัมพันธ์กับเสียงที่เกิดจากส่วนของรถยนต์ เช่นเดียวกับเครื่องขยายสัญญาณท็อปไฮไฟ ด้วยเหตุนี้ โมดูลซับวูฟเฟอร์จึงติดตั้งจุดต่อสัญญาณ (สัญญาณเอาต์พุตมาตรวัดความเร็ว) จากแผงหน้าปัดผ่านทางเครื่องขยายสัญญาณท็อปไฮไฟ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงความถี่ต่ำจะเพิ่มขึ้นในช่วงความเร็วสูง
เครื่องขยายสัญญาณท็อปไฮไฟมีฟังก์ชั่นลักษณะเสียงตามรูปแบบห้อง ซึ่งช่วยปรับลักษณะเสียงตามรูปแบบห้องให้ดียิ่งขึ้น ฟังก์ชั่นลักษณะเสียงตามรูปแบบห้องจะทำงานได้ผลดี โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับแหล่งเสียง”โดยตรง” (โหมดซีดี) ไม่แนะนำให้ใช้ฟังก์ชั่นลักษณะเสียงตามรูปแบบห้องกับการถ่ายทอดเสียงพูด หรือการรับสัญญาณวิทยุที่ไม่ดี หลังจากมีการปรับลักษณะเสียงที่เกิดจากส่วนของรถยนต์ ฟังก์ชั่นการจำลองแบบห้องจะเริ่มทำงาน และสามารถหยุดการทำงานได้โดยการกดปุ่ม